วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทบทวนซักนิด ก่อนจะก้าวต่อไป

ครั้งหนึ่งเมื่อยังเยาว์ ยังมีหลายๆ อย่างที่ยังไม่รู้ ทัศนะคติต่างๆ ยังไม่เท่าทัน เรียกว่าอ่อนด้อยประสบการณ์ ก็ว่าได้ แต่เมื่อเติบโตมา อะไรหลายๆ ทำให้เข้าใจเหตุผลของมัน อดีตเราคงย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่วันนี้ให้มีสติ เข้าใจตัวเอง เข้าใจบทบาทสถานะของเรา เพื่อที่จะได้เิดินต่อไปได้อย่างถูกต้อง อนาคตเรายังเปลี่ยนได้

มาึถึงปัจจุบันนี้ ได้เข้าใจแก่นแท้ของชีวิตมากขึ้น ได้พบเจอและเห็นอะไรมามากพอสมควร ได้คิดแล้วคิดอีกมามากมาย ให้หยุดใจสักนิดแล้วลองทำสมาธิดู แล้วจะเข้าใจ บางทีความว่างเปล่าของจิต กลับให้อะไรๆ มากมาย โลกนี้ จักรวาลนี้มันกว้างใหญ่เกินที่จะเข้าใจ เราตอบไม่ได้ เราอธิบายไม่ได้ หลายๆ อย่างมันอยู่เกินความเข้าใจในเหตุและผล เพราะอะไร เพราะบางอย่างเหตุผลจากความคิดเรา ไม่มากพอที่จะอธิบายสิ่งนั้นได้ เราเอาวิธีคิดเหตุผลมาจากประสบการณ์ชีวิต เอามาจากการศึกษาร่ำเรียนมา แต่มันยังไม่สามารถที่จะตอบได้ทุกโจทย์ เรามันคิดไปตามกฎของวิทยาศาสตร์ อะไรที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ แต่เราตอบสิ่งนั้นง่ายๆ ว่าเหนือธรรมชาติ งมงาย หลอกลวง สำคัญไหมที่เราจะต้องเข้าใจมันทุกเรื่อง

ปล่อยให้ความเข้าใจมันเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติของมัน อาจจะร้อยปี ล้านปี ก็ช่างเถอะ ถ้าสิ่งที่ท่านบอกท่านสอนมาที่แท้มันไม่จริงหละ แล้วจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อวันที่เรารู้ว่าไม่จริง แต่ตัวเราไม่ได้อยู่บนโลกแล้ว เรานำสิ่งที่ดี ที่ท่านได้บอก ได้สอนมาปฎิบัติดีกว่า จะมานั่งคิดว่าอันนี้จริง อันนี้ไ่ม่จริง สุดท้ายทะเลาะกับตัวเอง ทะเลาะกับคนอื่น ถ้าเราเข้าใจสิ่งนั้นดีแล้วจงปฎิบัติเถอะ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ให้ระลึกไว้เสมอว่า คือการทำความดี เพื่อความดี ความดีเป็นสิ่งนิรันดร เป็นสิ่งเดียวที่จะติดต่อเราไปเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว

การตายทางกาย ไม่ใช้การดับสูญ เรายังเหลือดวงจิต การมีชีวิตนั้นประกอบด้วยกายที่เป็นเนื้อเป็นสิ่งเน่าเปื่อยย่อยสลายไม่เที่ยงแท้ แต่ดวงจิิตเป็นสิ่งที่ไร้รูปไร้สสาร แต่คิดได้เห็นได้ เกินความเข้าใจของมนุษย์ เพราะไม่มีใครหาเหตุผลมาอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้

ความรู้ที่เป็นปัญญาสูงสุด เป็นความรู้แจ้ง มีอยู่ไม่ต้องเดินทางไปหา