วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

มะเขือเทศ Azoychka Tomato


เป็นมะเขือเทศที่มีสีสันแตกต่างไปจากท้องตลาดโดยที่มะเขือเทศสายพันธุ์นี้มีสีเหลือง ผลมีขนาดใหญ่มีขนาด150-300 กรัมต่อผล เนื้อหวานฉ่ำ ต้นของมันมีความสูง 1.5-1.8 เมตร เมื่อปลูกไปแล้วราว96-80วันก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลได้


INFO: สำรวจโลก

วิธีฝึกสมาธิ

10 วิธีฝึกสมาธิง่าย ๆ

          ในยุคที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ การแข่งขัน และความวุ่นวายมากมาย ทำให้ใครหลายคนหันหน้าเข้าหาธรรมะ และเลือกพักผ่อนจิตใจตัวเองด้วยการนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ ทำให้ทุกวันนี้ไม่เพียงคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือปู่ย่าตายาย เท่านั้น แต่หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ก็หันมาฝึกนั่งสมาธิกันมากขึ้นด้วย

          สำหรับใครที่ยังไม่เคยและอยากลองสัมผัสความสุขเล็ก ๆ และประโยชน์ดี ๆ จากการนั่งสมาธิ วันนี้เรามีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้การฝึกนั่งสมาธิของคุณเป็นเรื่องง่ายมาฝากกันค่ะ


 1. จัดท่าทางให้ถูกต้อง

          จริงอยู่ว่าใคร ๆ ก็นั่งขัดสมาธิ เพื่อนั่งสมาธิได้ แต่การนั่งที่ถูกต้อง คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณนั่งตัวตรง หัวตรง นั่นเพราะร่างกายของเราสัมพันธ์กับจิตใจค่ะ หากคุณนั่งตัวงอแล้วละก็ จิตใจของคุณก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะคะ แต่ไม่ต้องนั่งเกร็งมาก ให้นั่งเหมือนเรากำลังผ่อนคลายดีที่สุด

 2. เปิดตานั่งสมาธิ

          บางครั้งการนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นต้องหลับตาเสมอไป คุณสามารถเปิดตาไว้ แต่ปรับระดับสายตาให้มองต่ำลง โดยกำหนดจุดให้เพ่งรวบรวมสมาธิไว้ เพราะบางคนเมื่อปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ในหัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าวิธีใดทำแล้วได้ผลมากกว่ากัน

 3. กำหนดรู้ลมหายใจ

          การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการกำหนดที่ตั้งของสติ เพื่อให้จิตเราอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

 4. นับลมหายใจเข้า-ออก

          การนับลมหายใจเข้าออก เป็นวิธีปฏิบัติสมาธิมาตั้งแต่โบราณ โดยเมื่อคุณหายใจออกก็ให้คุณเริ่มนับหนึ่งในใจ ต่อไปก็เป็นสองสามสี่ตามลำดับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณกำลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้คุณกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพื่อให้คุณนำจิตกลับมาที่เดิม

 5. ควบคุมความคิดไม่ให้เข้ามารบกวน


          เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณกำลังมีความ คิดเข้ามารบกวนจิตใจ ค่อย ๆ ขจัดความคิดเหล่านี้ออกไป โดยหันมาสนใจกับการกำหนดลมหายใจ อย่าพยายามหยุดความคิดในทันที เพราะมันจะทำให้คุณฟุ้งซ่านและไม่สามารถกลับเข้าสู่สมาธิได้อีก

 6. กำจัดอารมณ์ให้หมดสิ้น

          มันเป็นการยากที่จะนั่งสมาธิในขณะที่จิตของคุณเต็มไปด้วยอารมณ์ เพราะอารมณ์จะทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในจิตใจ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ กลัว เสียใจ ซึ่งไม่ได้ทำให้คุณอยู่กับปัจจุบัน หรืออยู่กับสิ่งที่เป็นในตอนนี้เลย ให้คุณจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้โดยกำหนดลมหายใจไปที่ความรู้สึกของร่างกายที่ควบคุมอารมณ์ส่วนนั้น เพราะจะทำให้คุณไม่คิดถึงเรื่องราวที่ทำให้คุณกลัว หรือโกรธอีก แต่หันมาเพ่งกับสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้แทน

 7. ความเงียบบ่อเกิดแห่งความสงบ

          การนั่งสมาธิควรจะนั่งในที่เงียบ ๆ เพื่อทำจิตให้ว่าง ไม่ใส่ใจถึงบุคคล เสียง หรือสิ่งอื่นที่อยู่โดยรอบ เพราะความเงียบจะนำมาซึ่งความสงบเยือกเย็น และความรู้สึกมั่นคง เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเงียบภายนอกและภายในประสานกันได้ คุณก็จะรู้สึกได้พักกายพักใจ ผ่อนคลายจากความคิดที่รบกวนคุณอยู่ตลอดมา

 8. เวลาในการนั่งสมาธิ

          เมื่อเริ่มต้นนั่งสมาธิใหม่ ๆ คุณอาจจะลองนั่งก่อนประมาณสัก 10 นาที และจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าจิตคุณเริ่มนิ่งมากขึ้น แต่อย่าบังคับตัวเองให้นั่งนานเกินไปหากคุณยังไม่พร้อม ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เหมาะ คือประมาณ 25 นาที เพราะเป็นระยะเวลาที่ไม่ทำให้รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเกินไปจนรบกวนสมาธิได้

 9. สถานที่ในการนั่งสมาธิ

          สถานที่และบรรยากาศก็ช่วยให้คุณทำสมาธิได้ดีขึ้น ซึ่งการนั่งสมาธิในห้องพระจะช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกเป็นสมาธิมาก หรือคุณอาจจะวางสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณชอบ หรือช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไว้รอบ ๆ ที่คุณนั่งสมาธิก็ได้

 10. มีความสุขไปกับการนั่งสมาธิ

          คนเราหากทำอะไรแล้วมีความสุข เราก็จะทำมันได้ดี และรู้สึกอยากทำต่อไป ในการนั่งสมาธิก็เช่นกัน หากคุณมีความสุขในการนั่งสมาธิ คุณก็จะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว และอยากจะทำต่อไป จนสามารถทำเป็นกิจวัตรที่ทำทุกวันได้


INFO: http://health.kapook.com/view26826.html

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องของ มิติที่ 4 ของไอน์สไตน์






มิติที่ 4 ของไอน์สไตน์จากสูตรสัมพัทธภาพว่า E = mc2
     
E = Energy พลังงานที่วัดขนาดเป็นปริมาตรไม่ได้ แต่สังเกตได้จากขนาดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากพลังงานในช่วงเวลาที่วัดเป็น มิติเวลาได้ และจากความเข้มของการเปลี่ยนแปลงในมวลสาร
     
m = Mass มวลสารที่วัดขนาดเป็น 3 มิติแห่งเทศะได้อย่างเป็นอิสระจาก 1 มิติเวลา
    
 c = Constant ซึ่งมีค่าเท่ากับความเร็วของแสง คือ 3 แสนกิโลเมตรต่อวินาที อันเป็นความเร็วสูงสุดที่อาจจะปรากฏเป็นปรากฏการณ์ได้ หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า ไม่มีอะไรจะมีความเร็วได้เกินความเร็วของแสง และเมื่ออะไรก็ตามที่เร็วโดยตัวเองจะกลายเป็นพลังแสง และถ้าเร็วถึงอัตราความเร็วของแสงจะกลายเป็นพลังงานหมด เพื่อรักษาความเร็วของแสง (ทฤษฎีนี้ของไอน์สไตน์เริ่มจะมีผู้กังขา)
     
สมการ E = mc^2 \,\! หรือ E =   หรือ พลังงาน =   จึงมีแฟคเตอร์สัมพัทธ์กันอยู่ 3 ชนิด คือ พลังงานที่ผลักดันให้เกิดความเร็ว มวลสารที่มีขนาดวัดได้เป็น 3 มิติของเทศะ รวมเรียกว่าห้วงเทศะ และช่วงเวลาวัดได้เป็น 1 มิติ
   
หากไม่ใส่พลังงานเข้าไป  หรือพลังงานเป็น 0 ทั้ง 3 แฟคเตอร์ก็จะมีสภาพคงตัวนิรันดรตามข้างขวาของสมการ ครั้นพลังงานไม่เป็น 0 ไม่ว่าจะมากหรือน้อย แฟคเตอร์ทั้ง 3 จะทำปฏิกริยาต่อกันทันทีตามสมการ คือ พลังงานมากขึ้นจะทำให้ระยะทางมากขึ้นตามส่วน พลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก 0 นั้นมาจากไหน ตามความคิดของไอน์สไตน์ พลังงานกับมวลสารเปลี่ยนแปลงไปมาหากันได้  ดังนั้นเพื่อให้เกิดระยะทาง (D) พลังงานมาจากไหนไม่สำคัญ แต่มวลสารที่เคลื่อนที่ได้ระยะทางก็ต้องแปรสภาพมาเป็นความเร็ว ก็หมายความว่าความเร็วยิ่งมาก มวลสารก็ต้องลดลง และจะได้ความเร็วเป็นปฏิภาคส่วนตรง ในขณะเดียวกันช่วงเวลาก็จะยืดออกเป็นปฏิภาคส่วนกลับ เพื่อได้จำนวน C ให้เป็น 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีไว้เสมอ และตรงข้ามเมื่อมวลสสารลดความเร็วลดลง พลังงานที่ใช้น้อยลงจะแปร สภาพเป็นมวลสาร ทำให้มวลสารมีขนาดใหญ่ขึ้น และช่วงเวลาก็จะหดลงตามส่วน
    
สรุปได้ว่า หากเกิดการเคลื่อนที่ของมวลสารขึ้นเมื่อใด ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพ มวลสารหรือขนาดของก้อนสสารที่เคลื่อนจะลดขนาดลงเป็นปฏิภาคส่วนกลับกับความ เร็ว และเวลาจะยืดมากขึ้นเป็นปฏิภาคส่วนตรงกับความเร็ว เช่นดินสอ  ที่ถืออยู่ในมือ หากมีความเร็ว ขนาดจะ  เล็กลง ยิ่งเร็วยิ่งเล็กลง แต่ในขณะเดียวกันช่วงเวลาจะยืดออก ยิ่งเร็วยิ่งยืด คือ   อายุจะยาวมากกว่าอยู่นิ่ง ๆ ภาพยนตร์ เรื่องผจญพิภพวานร (The Space of the Apes) เป็นตัวอย่างการประยุกต์ทฤษฎีนี้กับชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อมีการ ส่งยานอวกาศออกเดินทางในอวกาศเป็นเวลานาน
    
มิติที่ 4 ของไอน์สไตน์ก็คือช่วงเวลานั่นเอง มวลสารหรือสสารก้อนใดก็ตาม ย่อมมีห้วงเทศะ 3 มิติ คือ กว้าง ยาว สูง รวมกับช่วงเวลาเป็นมวลสสาร 4 มิติ คือ กว้าง ยาว สูง และอายุ ตัวท่านผู้อ่านทุกท่านมี 4 มิติด้วยกันทุกคน คือ มีขนาดกว้าง ยาว สูง และอายุ หากท่านลดความกว้างของท่านไปเรื่อย ๆ อีก 3 มิติ คือ ยาว สูง และอายุยังคงมีอยู่ อาจจะเปลี่ยนตัวเลขเท่านั้น แต่ถ้าลดความกว้างเหลือ 0 เมื่อใด อีก 3 มิติก็จะเป็น 0 ตามไปด้วยทันทีโดยจำเป็น ลองทำดูกับมิติยาว และสูง ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน อายุก็เช่นกัน ท่านอาจจะลดอายุลงได้เรื่อย ๆ ไปโดยยังคงมีมิติกว้าง ยาว สูง อยู่ทุกอายุ ครั้นอายุถึง 0 คือยังไม่เกิด มิติกว้าง ยาว สูง ของท่านจะหายวับไปกับตาทันที
    
อธิบายเป็นตัวหนังสือได้เพียงแค่นี้แหละครับ  ถ้าต้องการความกระจ่างกว่านี้ก็ต้องมาเสวนากันแหละครับ สวนสุนันทาเปิดเสวนาปัญหาปรัชญาทุกวันอาทิตย์ ติดต่อ ศ.กีรติ บุญเจือ 08-6045-5299.


กีรติ  บุญเจือ...ศาสตราจารย์ราชบัณฑิต
Credit Daily New Online

INFO: http://www.unigang.com/Article/189

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีการชาร์จ iPhone และอุปกรณ์ iOS ให้เต็มเร็วขึ้น


ผู้ใช้ iphone หรือ iOS หลายๆท่าน คงมีปัญหาเรื่องการชาร์จแบตทั้งแบบเสียบกับไฟบ้าน หรือผ่านทาง Power Bank  ว่าทำไมกว่าจะชาร์ตเต็มนี่ ช้าจัง เหมือนนิ่งๆ ต้องเสียบชาร์จคาไว้กว่าจะเต็ม วันนี้จะมาแนะนำเคล็ดลับที่ทำให้ iPhone สามารถชาร์จได้เต็มเร็วขึ้น

1. ปิดเครื่อง iPhone หรือ iOS แล้วเสียบเข้ากับสายชาร์จ  วิธีนี้จะทำให้ชาร์จไฟได้เร็ว เพราะ iPhone จะไม่รับคำสั่งอื่นๆที่เคยเปิดเครื่องเลยนอกจาก ชาร์จอย่างเดียว แต่คุณจะไม่สามารถใช้ iPhone ในการติดต่อกับคนอื่่น หรือไม่สามารถรอรับสายคนอื่นโทรมาเท่านั้น  ส่วนเปิดเครื่อง ให้ stand by ชาร์จ กับ เปิดโหมดเครื่องบินไว้ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การชาร์จไฟเร็วขึ้นนะ เพราะ sell phone หรือตัวแอพทำงานเบื้องหลัง ยังทำงานอยู่

2. ใช้ที่ชาร์จ iPhone (Adaptor ) ในการชาร์จไฟที่บ้านหรือที่ทำงานเลย เร็วกว่าใช้ Mobile Booster หรือชาร์จผ่าน usb อีก

3. เก็บไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป อุณหภูมที่เหมาะสมที่ว่านี้ อยู่ระดับ 22 องศาเซลเซียส

4. หากชาร์จผ่านพอร์ต usb ต้องเพิ่มกำลังการจ่ายไฟ ถึงสามารถชาร์จได้เร็ว แต่ต้องระวังเครื่องจะช็อตได้เช่นกัน

5. การชาร์จ ควรชาร์จให้เต็ม 100% แล้วใช้งานโทรศัพท์ จนแบตเกือบหมด แล้วชาร์จให้เต็มใหม่อีกครั้ง เพื่อรักษาประจุไฟของแบต iPhone ซึ่งแบต iPhone นี้เป็นแบบ lithium

6. เรื่องสายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องเป็นสายชาร์จแท้ที่แถมกับโทรศัพท์ตอนซื้อใหม่เท่านั้น หากทำหาย ก็ต้องซื้อจากศูนย์บริการ เช่นตัวแทนจำหน่ายที่ Apple แต่งตั้ง ในร้านไอที  หรือในร้าน iStudio  เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ เพราะหากใช้สายปลอมอาจไม่สามารถชาร์จได้ หรือเกิดไฟช็อตไฟฟ้าลัดวงจร อันตรายถึงชีวิต

เพียงเท่านี้คุณก็สามารถชาร์จไฟมือถือ iPhone ให้เต็มเร็วยิ่งขึ้น  วิธีนี้ใช้ได้ตั้งแต่ iPhone รุ่นเก่าๆ ไปยังรุ่นอนาคตที่จะเปิดตัวในวันที่ 10 กันยายนนี้ด้วย



ข้อมูลจาก Mashable
INFO: http://www.it24hrs.com/2013/speed-charge-iphone-faster/

เป้ อารักษ์ เลิกคุย เนย เนโกะจั๊มพ์ ถือเป็นบทเรียน


          แม้ว่าจะผ่านบทเรียนเรื่องความรักมาเยอะพอสมควร สำหรับหนุ่มมาดเซอร์ “เป้ อารักษ์” แต่ล่าสุดหนุ่มเป้ก็ได้บทเรียนอีกครั้ง เมื่อเข้าไปคุยกับนักร้องสาวรุ่นน้อง “เนย เนโกะจั๊มพ์” โดยที่ไม่รู้ว่าสาวเนยนั้นมีคนคุยอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งทำให้หนุ่มเป้ถึงกับตัดสินใจถอนตัวออกมาเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ถึงบทเรียนครั้งนี้ว่า

          “(กับ เนย เนโกะจั๊มพ์ ว่ายังไง?) นั่นแหละครับ ผมก็แอบไปคุยกับเค้าครับผม แต่ว่าคุยได้นิดเดียวเองครับ ก็ไม่ได้คุยแล้ว ก็แค่ไปทักทาย (จีบน้องหรือเปล่า?) ก็ประมาณว่าอยากจะรู้จักครับ ถ้าเกิดพูดว่าจีบคงไม่ดี เดี๋ยวฝ่ายนู้นฝ่ายนี้จะเสียหายครับ เค้าก็น่ารักแหละครับ (ขอเบอร์มาจากใคร?) เป็นบุคคลที่ดีต้องปกป้องครับ (ไปเจอน้องเค้ายังไง?) เจอนานแล้ว เจอหลายครั้งแล้วครับผม (แล้วทำไมถึงเลิกคุย?) ก็ไม่ได้เริ่มอะไรเลยครับ ความจริงแล้วมันนิดเดียวจริงๆครับ แต่พอดีมันดันไปเป็นข่าวครับ (รู้สึกว่าไม่ใช่หรือยังไง?) ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันครับ มันไม่มีอะไร ก็บอกว่าเลิกคุยก็เลิกคุยไง”

          ”(ก่อนหน้านี้รู้หรือเปล่าว่าน้องเค้ามีคนคุยๆอยู่ด้วย?) นั่นแหละ ผมไม่รู้ไงครับ(หัวเราะ) (แสดงว่ารู้แล้วถึงเลิกคุย?) รู้ทันทีเลยครับ(หัวเราะ) (น้องเค้าบอกหรือว่าคนรอบข้างบอก?) เรารู้ได้เองครับ ก็ถือว่าเราเดินหมาก แล้วมันเดินมั่วแหละครับ ก็เลยอย่างนี้แหละครับ ก็เป็นผลที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในชั่วขณะ (สมมติว่าน้องเค้ายังไม่ได้เปิดตัวจริงจัง ถ้ามีโอกาสจะคุยต่อมั้ย?) คงไม่หรอกครับ ผมไม่กล้าครับ เพราะความจริงแล้วการที่เราจะไปคุยกับใครซักคน ตอนนี้เราก็คงต้องคิดมากขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องเป็นราวได้ง่าย (แสดงว่าอันนี้เป็นเหมือนบทเรียนเลย?) ความจริงผมก็เรียนมาหลายบทแล้วนะ แต่ยังไม่จำซะที (ถ้าเจอกันตามงานก็สามารถคุยได้?) โอเคๆ ไม่ได้ทะเลาะกันซะหน่อย (มันจะเขินหรือเปล่า?) ไอ้เขินมันเป็นอยู่แล้วแหละ(หัวเราะ) (ต่อไปนี้จะคุยกับใครก็คือต้องสืบดีๆหน่อย?) ใช่ครับ”

          ”(วันเกิดที่ผ่านมาไปไหนมาบ้าง?) ถ่ายละครถึงเที่ยงคืนกว่า แล้ววันต่อมาก็ถ่ายละครตอนเช้าอีกครับ เพื่อนๆก็ยังไม่ได้เจอผมเลย ไม่ได้เลี้ยงอะไร แต่ว่าก็ขอบคุณแฟนๆทุกคน บางคนก็ให้เค้ก ดีใจมากๆ ขอบคุณทุกคนที่อวยพรวันเกิดผม ขอบคุณมากๆครับ”


INFO: http://www.darafc.com/archives/pae-noey/

Apple จะมาเขย่าบัลลังก์ Samsung ด้วย iPhone 5S และ iPhone รุ่นประหยัด

Apple จะมาเขย่าบัลลังก์ Samsung ด้วย iPhone 5S และ iPhone รุ่นประหยัด พร้อม iOS 7

กว่า 80% ของข่าวลือแอปเปิ้ลนั้นส่วนมากหลุดมาจากคนในและแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ แค่ไม่แสดงตนเปิดเผยตัว เพราะ ความลับพวกนี้มีค่าในทางธุรกิจสูงอยู่ แต่ผมว่าส่วนหนึ่งก็เป็นวิถีของ Apple ไปแล้ว ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมาพร้อมข่าวลือ เคยดูหนังเรื่อง Spider-Man พระเอก ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ มักได้เงินก้อนโตจากการขายข่าวและภาพสไปเดอร์แมน ให้กับสำนักพิมพ์ ข่าวผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล ถ้ามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือสามารถขายได้ในราคาสูงเหมือนกันครับ ข่าวลือจึงเยอะเป็นพิเศษมีทั้งลือจริง และออกมาลวงคู่แข่ง แต่จะเห็นทุกครั้งว่าส่วนหนึ่งเป็นจริง ซึ่งหลายเรื่องถูกพิสูจน์แล้วในงาน WWDC 2013 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา



ตั้งแต่ Samsung Galaxy s4 เปิดตัวออกมาต้องยอมรับครับว่าเป็นมือถือเรือธงที่มีจุดแข็งในการขายหลายจุด ซึ่งถ้าผมเป็น Apple มองว่าถ้าไม่มีกลยุทธ์อะไรที่จะมาชนบัลลังก์คงต้องโดนเขย่าตลาดไปแน่ๆ พี่แซมแกจัดเต็มใส่ฟีเจอร์ไปเต็มที่ มือถือสมาร์ทโฟนในปีนี้ต้องเน้นความคุ้มค่าของการใช้งาน ซื้อเครื่องเดียวทำได้ล้านแปดถึงจะคุ้ม ใครคุ้มกว่าสะดวกมากกว่า จะกลายเป็นจุดให้คนตัดสินใจซื้อ ตอนนี้นอกจากเรื่อง Spec เครื่องดีไซน์แล้วก็แข่งกันที่ (Ecosystem) ใช้งานระบบ ใครมีความสะดวกมากกว่ามีบริการเสริมต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์และคุ้มค่ากว่า



ยกตัวอย่างหลังๆ เริ่มมีบริการที่แบ่งพักแบ่งพวกมากขึ้น อย่าง Galaxy S4 มีฟีเจอร์ Group Play ยืมลำโพงมือถือเครื่องอื่นให้กลายเป็นลำโพงตัวเอง ส่งภาพให้กันแค่เอาเครื่องมาแตะกัน หรือยืมหน้าจอเครื่องอื่นให้กลายมาเป็นหน้าจอตัวเองเพื่อใช้ประโยชน์ในการพรีเซ้นส์งานหรือประชุม ซึ่ง ในงาน WWDC ของ Apple บริการแบบแยกพรรคแบ่งพวกก็มีให้เห็นมากขึ้นด้วยอย่าง Air Drop ส่งไฟล์กันในอุปกรณ์แอปเปิ้ลด้วยกันผ่าน wifi และ Bluetooth แบบใหม่ ไม่ต้องมาแตะกับแบบ Samsung การแก้ไขเอกสาร iWork ทั้งหมดของ Apple ได้ทุกอุปกรณ์ ผ่าน iCloud และเรื่องของเพลงและการถ่ายภาพที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น Siri ที่ฉลาดขึ้นและ iOS 7 หน้าตาการใช้งานแบบใหม่ที่เปลี่ยนยกแผง หลังจากที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดีไซน์ของ iOS ของแอปเปิ้ลนั้นแก่เกินแกงแล้ว รวมๆ แล้วหลังจากงาน WWDC 2012 บอกได้เลยว่าน่าใช้ขึ้นเยอะ

แต่ถ้าจะทำให้ขายดีขึ้นแข่งกับคู่แข่ง พี่แซม(ซุง) ให้ได้ต้องลดราคาลงมาบ้าง เพราะราคาของ iPhone นั้นสูงไปสำหรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อรองลงมา ซึ่งก็จะมี iPhone รุ่นระหยัดนี่แหละที่จะมาเป็นฮีโร่ของคนอยากใช้ iPhone ราคาสบายกระเป๋าขึ้น จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ(อีกล่ะ) บอกว่า ไอโฟนตัวใหม่ ซึ่งจะเป็น iPhone 5S ซึ่งมาพร้อมกับระบบอ่านลายนิ้วมือ และมาพร้อมกับตัว iPhone mini และ iPad mini รุ่นใหม่ ทั้งหมดทั้งมวลมาพร้อมกับ iOS 7 ใหม่ แง้มๆ จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือทั้งหมดทั้งมวลจะได้เห็นเป็นทางการแน่ๆ ช่วงเดือนกันยายนปีนี้ ส่วนการยกเครื่อง หน้าตาการใช้งาน ใหม่ iOS 7 ก็น่าสนใจไม่น้อย ผมดูแล้วก็ออกจะเหมือนลูกผสม Windows Phone เน้นหน้าตาการออกแบบ "Flat" แบนๆ เรียบๆ ซึ่งก็ดูแล้วหน้าตาก็สวยไปอีกแบบปรับ Font ใหม่

สรุปฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 7 ลิสๆ แล้วก็เยอะอยู่เหมือนกันอย่าง FaceTime ที่มีเวอร์ชั่นทำงานเฉพาะเสียง คราวนี้จะโทรได้ไม่ต้องเสียค่าโทร บล็อกสายเข้าได้ , iOS in car ขยายการทำงานให้รองรับการใช้งานในรถยนต์ พวกการโทรในรถ สั่งให้ส่งข้อความ การใช้เป็นแผนที่นำทางในรถ เชื่อมกับระบบของรถได้มากขึ้น รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีออกมาขายเพิ่มความสามารถให้เครื่องอย่างพวกจอยเกมหรือพวกอุปกรณ์ต่อกล้องเพิ่มเติม แล้วเดี๋ยวมาดูกันว่าจะมาเขย่าบัลลังก์ Samsung ได้รึเปล่าแล้วยอดขายของรุ่นประหยัดจะพุ่งทะลุยอดมั้ยต้องติดตาม ผมก็รอ iPhone รุ่นประหยุดอยู่เหมือนกัน


INFO: blog.butthun.com

ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย

ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย
เสียสละเวลาอ่านสัก 15-20 นาที
ใช้วิถีธรรมชาติขจัด 6 โรคร้ายใน 4 เดือน
จากหนุ่มใหญ่วัยใกล้เกษียณที่ถูกโรคร้ายรุมเร้าถึง 6 โรค ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป ซึ่งจากประสบการณ์ทางแพทย์ที่สั่งสมมา ทำให้เขารู้ว่า โรคร้ายเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงกินยาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น

แต่เมื่อเขานำศาสตร์ในการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าและทดลองปฏิบัติด้วยตัวเองมาใช้ ‘นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์’ กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดอยุธยา และประธานกรรมการบริหารเวลเนสซิตี้ กรุ๊ป ก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ว่า เขาสามารถขจัดโรคร้ายทั้ง 6 โรคได้ภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือน

• 6 โรคร้ายรุมเร้าจนต้องลุกขึ้นมาหาวิธีปฏิวัติตัวเอง

คุณหมอบุญชัยเล่าว่า ด้วยการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่เต็มด้วยความเร่งรีบ ความเครียดที่เกิดจากการทำงานและการกินอาหารตามความเคยชิน ส่งผลให้สุขภาพของเขาเริ่มมีปัญหา และสั่งสมเรื่อยมาจนกลายเป็นโรคร้ายถึง 6 โรคด้วยกัน

น้ำหนักของเขาขึ้นไปถึง 113 กิโลกรัม ระดับน้ำตาลในเลือดสูงถึง 294 ขณะที่ความดัน ตัวบนอยู่ที่ 170 ตัวล่าง 110 อีกทั้งไขมันในเลือดยังผิดปกติ!!

แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แม้เขาจะเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนไข้มามากมาย แต่เขากลับไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ของตัวเองให้หายขาดได้

ในทางกลับกันโรคที่เป็นอยู่กำลังเป็นสะพานที่นำไปสู่โรคภัยที่ร้ายแรงขึ้น จุดนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณหมอหันมาศึกษาค้นคว้า เพื่อหาทางแก้ไขและลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอย่างจริงจัง

“ความจริงหลายๆโรคที่เป็นเนี่ยะ เราก็รู้มาก่อนอยู่แล้ว อย่างโรคอ้วน โรคเม็ดเลือดแดงมากเกินไป โรคตับอักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง แต่สาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตตัวเองก็คือ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ปี 53 ผมตรวจร่างกาย พบว่า เป็นเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งโรคเบาหวานมันเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคต่างๆตามมาอีกเยอะ เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ ตาบอดเพราะเบาหวานขึ้นตา

โรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงรักษาตามอาการ กินยาเพื่อรักษาระดับน้ำตาล ซึ่งต้องกินยาตลอดชีวิต แต่การกินยามากๆ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ทำให้ตับเสื่อมและไตวาย ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมองหาวิธีการใหม่ที่จะมีโอกาสหายจากโรคเบาหวานหลากหลายวิธีการ

วิธีการที่ผมใช้เริ่มจากพื้นฐานความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ และอาศัยความรู้หลายอย่างประกอบกัน ทั้งความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ โบราณคดี วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ความรู้เรื่องการเจริญของโลก ความรู้เรื่องมานุษยวิทยา ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต ซึ่งเราก็เอาหลายๆอย่างมาผสมผสานกัน เพื่อหารากเหง้าความเป็นมาว่า มนุษย์เรามีความเป็นมาอย่างไร คือคนในปัจจุบันไม่ได้ดำรงอยู่ตามธรรมชาติ เพราะเราสั่งสมวัฒนธรรมความรู้เพื่อจะทำให้เราดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย ซึ่งการที่เราใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วย ดังนั้น การที่เราจะหายป่วยได้ เราก็ต้องไปหาว่า การใช้ชีวิตตามธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร” นพ.บุญชัย เล่าย้อนให้ฟังถึงสาเหตุที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง

• ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย

จากการศึกษาวิเคราะห์ศาสตร์ต่างๆ ทำให้คุณหมอบุญชัยได้ข้อสรุปว่า อาหารที่คนเรานิยมบริโภคอยู่ในปัจจุบันนั้น ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติและความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุคือ ปรับเปลี่ยนวิธีการกินและการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ จึงเกิดเป็นศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' ที่คุณหมอค้นพบด้วยตัวเอง

การค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความอัศจรรย์ให้แก่วงการแพทย์อย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่คุณหมอนำศาสตร์ดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ปรากฏว่า โรคร้ายที่คุณหมอบุญชัยเป็นอยู่ถึง 6 โรคนั้นได้อันตรธานหายไปภายระยะเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น

“จากการศึกษาทำให้เราพบว่า จริงๆแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งอยู่ในตระกูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลเดียวกับลิง สมัยดึกดำบรรพ์เรากินผักและผลไม้เป็นหลัก ซึ่งผักผลไม้ที่เรากินจะเป็นพวกใบอ่อน ย่อยง่าย และก็กินพวกเนื้อสัตว์บ้าง กินไข่ กินดินโป่งเป็นอาหารเสริม แต่ปัจจุบันเราไม่ได้กินแบบนี้อีกแล้ว วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้อาหารการกินของเราเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าเราบริโภคสิ่งที่ไม่เหมาะกับร่างกายของมนุษย์ ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราจะใช้ชีวิตตามธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ เราจะทำยังไง จะปรับได้ขนาดไหน

ผมจึงออกแบบชีวิตในปัจจุบันให้ปลอดภัยในระดับที่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้ชีวิตในการทำงานแบบคนเมืองได้ คือต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตตามกฎธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบคนเมือง เราก็ใช้วิธีการทดลอง ดูจากตำรา ดูจากงานวิจัย และการทดลองปฏิบัติ ทำให้ได้ข้อสรุปของวิธีดำเนินชีวิตตามกฎธรรมชาติ

สรุปออกมาเป็นข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ และสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ 5 ข้อ ซึ่งเรียกสั้นๆว่า กฎห้าม 5 ต้อง 5” นพ.บุญชัย พูดถึงศาสตร์การคืนสู่วิถีธรรมชาติที่เขาค้นพบ

• มหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ
โรคร้ายหายเป็นปลิดทิ้ง

หลังจากที่คุณหมอบุญชัยปฏิบัติตามกฎ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' เขาก็พบกับความมหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ เพราะสุขภาพของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และโรคร้ายที่เป็นอยู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง

“ผมเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงตอนนี้ก็ 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่งหลังจากเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตแค่เดือนก็เห็นผลแล้ว พอถึงเดือนที่ 4ปรากฎว่า 6 โรคที่เป็นหายหมดเลย ยกเว้นไขมันในหลอดเลือดยังลดลงไม่ถึงระดับ คือโรคอ้วนก็หาย จากเดิมน้ำหนัก 114 กก. ลดลงเหลือ 89 กก. น้ำหนักผมลดลงไป 25 กก.

ตอนนี้โรคต่างๆหายหมดแล้ว เบาหวานก็หาย น้ำตาลในเลือดที่เคยขึ้นไปถึง 294 ปัจจุบันเหลือ 90 มันลดลงเอง ไม่ต้องใช้ยาเลย ความดันผมลดลงจาก ตัวบน 170 เหลือ 105 ตัวล่างจาก 110 เหลือ 70 เส้นเลือดที่เคยแข็ง เส้นเลือดที่อุดตัน ก็เปลี่ยนเป็นเหนียว ยืดหยุ่นดี

คือมันเป็นวิธีที่ง่ายมากๆ เหมือนเส้นผมบังภูเขา แต่เรามองไม่ออก คือการใช้ยานอกจากจะแค่รักษาตามอาการ ไม่หายขาดแล้ว ยังมีผลข้างเคียงด้วย แล้วถ้าใช้ยาเราก็จะไม่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต เพราะเราคิดว่ายาช่วยเราได้ คืออวัยวะที่มันเสื่อมไปเนี่ยะมันฟื้นไม่ได้

อย่างเช่นโรคเบาหวาน เกิดขึ้นเพราะตับอ่อนเสื่อมจึงผลิตอินซูลินได้ไม่ดี แต่ร่างกายต้องใช้อินซูลินในการควบคุมน้ำตาล เมื่อผลิตอินซูลินได้น้อยน้ำตาลในเลือดก็ขึ้น พอเราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ร่างกายดีขึ้น ตับอ่อนฟื้นตัวขึ้นก็ผลิตอินซูลินได้ดี เมื่อมีอินซูลินมาควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด น้ำตาลในเลือดก็ลดลงโดยไม่ต้องใช้ยาเลย” นพ.บุญชัย กล่าวถึงชีวิตใหม่ที่เขาได้รับหลังจากกลับมาสู่วิถีธรรมชาติ

• เดินหน้าเผยแพร่แนวคิดพิชิตโรค

เมื่อค้นพบวิธีที่สามารถทำให้หายจากโรคร้าย ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งนอกจากจะเป็นวิธีที่ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเห็นผลอย่างรวดเร็ว

ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นหมอที่อยากเห็นคนไข้หายป่วยและกลับมามีสุขภาพที่ดี คุณหมอบุญชัยจึงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวให้แก่คนไข้และบุคคลทั่วไป ทั้งโดยการบรรยายให้แก่หน่วยงานและโรงพยาบาลต่างๆ และการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบง่ายให้ผู้ที่สนใจนำไปปฏิบัติ

“ปกติผมจะมีคอร์สบรรยายเรื่องการรักษาโรคโดยไม่ต้องใช้ยา แต่ใช้วิธีปรับการใช้ชีวิต ผมจัดเป็นหลักสูตร แล้วก็เอาหลักสูตรที่ได้มาเขียนลงหนังสือ เอาความรู้ที่ได้มาสอนคนอื่นต่อ ก็มีองค์กรใหญ่ๆติดต่อเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน การประปานครหลวง บริษัทปูนซิเมนไทย บริษัทการบินไทย ผมอบรมไปเกือบหมื่นคนแล้ว ผมไปบรรยายตามโรงพยาบาลที่ต้องการให้จำนวนคนไข้ลดลง เช่น ที่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

คนไข้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของผมแล้วมีเยอะมาก คือถ้าปฏิบัติจริงจังต้องเห็นผลทุกราย จากสถิติคนที่ผ่านการอบรมในคอร์สของผมเนี่ย สามารถปฏิบัติอย่างจริงจังและได้ผลเต็มที่ประมาณ 30 % ปฏิบัติได้พอประมาณและได้ผลดี ประมาณ 40% ส่วนที่เหลืออีก 30% ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เลยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร คือหลักสูตรของผมนั้นไม่ใช่ว่าเอายาลูกกลอนไปกิน 10 หม้อแล้วหาย แต่มันคือหลักสูตรการเปลี่ยนชีวิตคน” นพ.บุญชัยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

• ขอเพียงมีศรัทธาต่อชีวิต โรคร้ายก็หายได้

คุณหมอบุญชัยยังได้กล่าวตบท้ายให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยทุกคนว่า ขอเพียงมีศรัทธาก็สามารถหายจากโรคร้ายและกลับมามีชีวิตใหม่ได้แน่นอน

“ถ้าไม่เป็นโรค เราก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมโชคดีที่ผมเป็นโรคที่เราวัดได้ว่าเปลี่ยนแปลงตัวเอง 10 ข้อแล้วเห็นผล มันก็เกิดกำลังใจ เกิดการเรียนรู้ เกิดการค้นคว้าจนได้คำตอบ

ผมจึงอยากให้ผู้ป่วยทุกคนมีศรัทธาต่อชีวิต มีความหวัง โรคทุกโรคเนี่ยะถ้าเรามีความเชื่อว่าเราจะหาย มีพลัง มีความมุ่งมั่น เราก็มีโอกาสหาย และถ้าเราปฏิบัติตามวิธีที่ถูกต้องเราก็สามารถหายได้

เพราะว่าร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางธรรมชาติที่วิเศษที่สุด เพราะมันฟื้นฟูตัวเองได้ มันแก้ไขอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงแต่อย่าเอาจิตเราไปขวางมัน เราเพียงแต่เติมเต็มสิ่งที่จะเสริมสร้างร่างกายเรา เช่น อาหาร น้ำ อากาศ อย่างถูกต้อง พวกนี้ก็จะเป็นวัตถุดิบที่จะไปสร้างร่างกายเรา ขบวนการซ่อมตัวเองจะเกิดขึ้น”

• ข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ

1. ห้ามจินตนาการเชิงลบ เนื่องจากจิตใต้สำนึกเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าคิดบวกหรือคิดลบก็ล้วนมีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ดังนั้น หากเราจินตนาการเชิงลบจะก่อให้เกิดความเครียด อารมณ์ร้าย ซึ่งจะเป็นผลลบต่อร่างกาย

2. ห้ามอ้วน เนื่องจากความอ้วนเป็นบ่อเกิดแห่งโรค ซึ่งเราจะพบว่า คนสมัยก่อนนั้นใช้ชีวิตตามป่าเขา หากินตามวิถีธรรมชาติ มีโอกาสได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงไม่อ้วนเหมือนผู้คนในปัจจุบัน ทำให้คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นโรค

3. ห้ามรับประทานน้ำตาล รวมถึงขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาล เนื่องจากความจริงแล้วอาหารที่เราได้จากธรรมชาตินั้นมีแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งน้ำตาลตามธรรมชาตินั้นมีสัดส่วนที่พอดีและเหมาะกับร่างกาย แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ติดหวาน เพราะเคยชินกับการเติมน้ำตาลในอาหารมาก จึงทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา

4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อน เพราะเมื่อไขมันผ่านความร้อน ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว ทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำเข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและดึงไขมันอิ่มตัวขึ้นมา ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้เรียกว่า Trans Fat มักอยู่ในของทอด โดยคนที่กินอาหารทอดมากๆ มักเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

5. ห้ามรับประทานสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หมู วัว แพะ แกะ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ เนื่องจากหากศึกษาจากโครงสร้างจะพบว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โดยฟันของมนุษย์เป็นฟันแบบตัดซึ่งเหมาะกับการบดเคี้ยวพืช แต่เนื้อสัตว์ใหญ่จะมีลักษณะเหนียวเกินกว่าฟันมนุษย์จะบดเคี้ยวได้

นอกจากนั้น ลำไส้ของมนุษย์ยังมีลักษณะยาวมาก ทำให้เนื้อที่เหนียวและต้องใช้เวลาย่อยหลายวันไปเน่าอยู่ในลำไส้ จึงเกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษตามมา

 

• ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ

1. เน้นการกินพืชผักผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารตามวิถีดั่งเดิมของมนุษย์ ในปริมาณครึ่งหนึ่งในแต่ละมื้ออาหาร โดยเน้นผักผลไม้ที่ไม่หวานจัด และไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงสุก เนื่องความร้อนจะไปทำลายวิตามิน เอนไซม์ และสารต่างๆที่มีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อก็จะเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ

2. กินข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่ เพราะจะทำให้ได้สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณข้าวและคาร์โบไฮเดตลงตามลำดับ เนื่องจากจริงๆข้าวและคาร์โบไฮเดตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้เราหันมาบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดตจนเกิดความเคยชิน และกลายเป็นการบริโภคเกินความจำเป็น

3. ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง โดยออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจเต้นแรง ได้หอบหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายขับพิษออกหลายๆทาง ระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองจะทำงาน ซึ่งระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองนั้นเป็นระบบป้องกันโรคที่สำคัญของมนุษย์

นอกจากนั้น ขณะที่หอบหายใจนั้น ร่างกายจะเอาอากาศออกจากปอดได้ทั้งหมด ทำให้อากาศที่อยู่ในปอดสะอาดและมีปริมาณออกซิเจนสูง

4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงการนอนหลับที่ดีที่สุดคือช่วง 22.00-02.00 น. เนื่องจากช่วงดังกล่าวร่างกายจะผลิตเมลาโพนินฮอร์โมนออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เราง่วง พอหลับสนิทร่างกายก็จะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เกิดการซ่อมสร้างในเวลาที่รวดเร็ว

5. การมีจินตนาการเชิงบวก คือการจะให้ร่างการมีสุขภาพดี เราจะต้องมีจินตนาการเชิงบวกต่อสุขภาพ ทำให้ชีวิตเรามีความสุข สุขภาพดี แข็งแรง ร่างกายจะเป็นไปตามที่เราคิด ถ้าเราเครียดร่างกายเราก็จะอ่อนแอ จิตใต้สำนึกมันส่งผลต่อร่างกาย


with Pydcpstw Sone.

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

ตะลึง! พบ มัมมี่ ลึกลับที่ ห้องใต้หลังคา ในเยอรมนี

มัมมี่ในโลงหินที่เด็กชายพบในห้องใต้หลังคาของปู่

       เอเอฟพี - ตำรวจ และเจ้าหน้าที่นิติเวชเยอรมันกำลังเผชิญกับปริศนา ภายหลังที่มีเด็กชายวัย 10 ปีคนหนึ่งพบร่างมัมมี่มนุษย์บรรจุในโลงหิน ที่มุมหนึ่งในห้องใต้หลังคาของปู่
      
       จากการตรวจสอบด้วยเครื่องซีทีสแกนพบว่าร่างมัมมี่นี้ประกอบด้วย กะโหลกศีรษะมนุษย์ ซึ่งบริเวณเบ้าตาซ้ายมีลูกศรโผล่ออกมา และโครงกระดูกซึ่งแยกออกเป็นชิ้นใหญ่ๆ หลายชิ้นในอิริยาบถประสานมือไว้แนบอก ทั้งหมดนี้ได้รับการถนอมรักษาไว้เป็นอย่างดี หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไครซ์ไซตุงรายงาน
      
       นอกเหนือไปจากมัมมี่ปริศนานี้แล้ว ในโลงศพยังมีรูปหล่อใบหน้าของผู้ตาย และผลการเอ็กซ์เรย์ชี้ว่ามีแผ่นโลหะปกคลุมโครงกระดูกที่มีความยาว 1.49 เมตรนี้ ซึ่งยังคงระบุไม่ได้ว่าเป็นเพศอะไร
      
       ลุทซ์ วูลฟ์กัง เคตทเลอร์ พ่อของเด็กชายที่พบมัมมี่กล่าวว่า พ่อของเขาที่เสียชีวิตเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เคยเดินทางไปแอฟริกาเหนือในช่วงทศวรรษ 1950 และอาจจะนำมัมมี่ร่างนี้กลับมาเป็นของที่ระลึกอันน่าสยดสยอง
      
       ผ้าที่ใช้พันมัมมี่ร่างนี้ซึ่งยังไม่ถูกแกะออก เพราะเกรงว่าศพจะได้รับความเสียหาย เป็นผ้าที่ถูกทอด้วยเครื่องจักรในช่วงศตวรรษที่ 20 เคตทเลอร์ ผู้มีอาชีพเป็นทันตแพทย์ซึ่งอยู่ร่วมการตรวจสอบด้วยเครื่องซีทีสแกนด้วยระบุ
      
       ทางด้านอันเดรียส เนอร์ลิช นักพยาธิวิทยาจากโรงพยาบาลโบเกนเฮาเซน ในเมืองมิวนิคให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าวสปีเกลออนไลน์ว่า ถึงแม้กะโหลกและโครงกระดูกจะเป็นของจริง แต่มัมมี่ร่างนี้เป็น “ของปลอมที่ทำขึ้นมาจากศพของคนๆ เดียว หรือประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนของคนหลายๆ คน”
      
       “สิ่งที่เราประสบอยู่ในตอนนี้เป็นคำถามที่ซ้อนอยู่บนคำถาม” นับตั้งแต่อเล็กซันเดอร์ ลูกชายของเขาพบมัมมี่นี้ราวหนึ่งเดือนก่อน เคตทเลอร์กล่าว
      
       เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการได้ลงบันทึกคดีนี้ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองดีโฟลซ์ รัฐโลเวอร์แซกโซนีเอาไว้แล้ว และกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมว่าศพนี้มาจากไหน ก่อนที่จะตรวจดูความเป็นไปได้ว่าจะเป็นฆาตกรรมอำพรางที่เพิ่งเกิดในยุคสมัยใหม่หรือไม่
      
       “เราจะรอจนกว่าจะทราบว่าโครงกระดูกนี้อายุเท่าไร” แฟรงก์ บาเวนดีก โฆษกตำรวจกล่าวกับสำนักข่าวดีพีเอของเยอรมนี “ถ้ามีอายุเป็นร้อยๆ ปี ก็แสดงว่าเป็นมัมมี่จริง และเราก็จะไม่สืบสวนต่อไปอีก”


INFO: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000111232

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

Punalu'u Beach


Punalu'u Beach หาดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกา เป็นชายหาดที่มีสีดำเนื่องมาจากหินบะซอลที่เกิดจากลาวาจากภูเขาไฟใน Hawaiʻi Volcanoes National Park ที่ไหลลงสู่มหาสมุทร บริเวณหาดแห่งนี้ยังเป็นที่อาศัยของสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างเต่าสีเขียว (Chelonia mydas) ซึ่งพวกมันมักจะมาอาบแดดที่หาดแห่งนี้


INFO: www.nextsteptv.com/infosat

การฝึกพลังจิต

การฝึกพลังจิต ลองดูนะฝรั่งเขาทำได้กันแล้ว

ก่อนอื่นก็ เตรียมอุปกรณ์ง่ายๆดังนี้
แก้วน้ำใส + ใบไม้

ให้เอาน้ำใส่ให้เกือบเต็มแก้ว ปริ่มๆ และวางใบไม้
ใบมะยม จะเหมาะที่สุดเพราะไม่ใหญ่มาก
ต้องทำในห้องที่เงียบๆนะ และ ห้ามมีลมพัดโดนน้ำ
เพราะเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลง เราจะไม่รู้เลยว่าเพราะ
พลังจิตของเรา หรือเพราะลมพัดโดน

อย่างแรก ให้ปิดโทรศัพท์ ปิดเพลง เปิดแอร์ได้ไม่งั้นร้อนตายห่าเลย
มองไปในแก้ว ที่มีใบมะยมวางลอยน้ำอยู่
และเพ่งไป ให้นึกภาพในหัวว่า เราเห็นใบไม้ในแก้วเคลื่อนไหว
ไม่ต้องท่องคาถาอะไรทั้งนั้น เริ่มทำจากวันล่ะ 10 นาทีก่อน
หากไม่ได้ก็แค่นั้น อย่าไปโหม พอเริ่มชินและเริ่มจินตนาการภาพได้เก่งขึ้น
ก็ใช่จิตเพ่งไปอีก หากมีผลสำเร็จ น้ำจะกระเพื่อม ใบไม้จะหมุน
หรือแม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จิตเราจะแข็ง และหากตั้งใจ
เราจะสามารถควบคุม สั่งให้สิ่งของ ต่างๆ ขยับได้
ตามการฝึกของเรา อันนี้ไม่ได้โกหกนะ ลองเอาไปทำกันดู


INFO: http://www.dek-d.com/board/view/2741117/