วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รูปปั้นแม่พระมาดอนน่าเงิน (Silver Madonna : Charleston, New Hampshire)


โจร ย่อมเสียทีอะไรง่ายๆ เสมอ แต่นั่นก็ทำให้เราเสียของศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยเช่นกัน เทือกเขานิวแฮมป์เชียร์ เทือกเขาที่ฝังร่างของเหตุการณ์สำคัญ ในวัน นั้นเอาไว้ ร่างหนึ่งคือ รูปปั้นแม่พระมาดอนน่าอันศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกร่างคือ หัวขโมยที่ต้องมาจบชีวิตในที่แห่งนี้ รูปปั้นแม่พระมาดอนน่าแห่ง โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ที่เหล่าทหารของผู้พันโรเบิร์ต โรเจอร์ ได้ขโมยไป คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียนแดง การไล่ล่าทำให้พวกผู้ร้ายจนมุม ที่ เทือกเขา แล้วพวกมันก็ได้ทิ้งปริศนาที่ซ่อนรูปปั้นเงินแม่พระมาดอนน่าไว้ด้วย บัดนี้ สมบัติชิ้นนี้ถูกขโมยไป และหายสาบสูญ เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีซักวันที่หาพบ...



INFO: http://toptenthailand.com/2012/toptenlist-info.php?cate=42&sub_id=183&topic_id=316&list_id=239&info=1085

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีเห็นผี สำหรับคนชอบลองของ

ใครที่ลองของอยากเห็นผีไม่ต้องไปออกรายการคนอวดผีกันแล้วค่ะ เรามีวิธีมานำเสนอให้ถึงบ้านตั้ง 5 วิธี สำหรับคนที่อยากลอง


1.ตัดเล็บสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน

ถ้ามั่นใจว่าต่อมหวีดของคุณแข็งแรงพอให้ตัดเล็บในเวลาสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน เริ่มจากเล็บมือขวาก่อนแล้วตามด้วยมือซ้าย พอครบ 10 นิ้ว ก็ห่อด้วยผ้าดำเอาไปวางไว้ทางทิศตะวันตกของบ้าน ในคืนนั้นเวลาคุณหลับจะมีแขกไม่ได้รับเชิญแวะมาเยี่ยมคุณ

2.ลูกคิดเรียกวิญญาณ

ความเชื่อนี้ดีมากหาทำในคืนพระจันทร์เต็มดวง กรรมวิธีง่ายมากๆ แต่รับประกันว่าหัวโกร๋นร้อยเปอร์เซ็นต์โดยการหาลูกคิดที่มีรางยาวๆมารางหนึ่งรอจนเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ก็จับรางตั้งขึ้น ให้ลูกคิดทั้งหมดไหลมารวมกันทางตัวคุณ จากนั้นวางรางลงทำใจให้ว่างแล้วค่อยๆ ดีดลูกคิดออกจากตัว ทีละรางๆจนถึงรางสุดท้าย เสร็จแล้วก็จับรางตั้งขึ้นอีกครั้ง ให้ลูกคิดทั้งหมดไหลกลับที่เดิม จากนั้นก็มาถึงนาทีสำคัญ ให้มองลอดช่องว่างระหว่างรางลูกคิดออกไป คุณจะได้เห็นสิ่งที่ต้องการจากช่องว่างนั้น หลังจบพิธีแล้วให้ทิ้งลูกคิดรางนี้ทันที ห้ามเอากลับมาใช้อีก

3.ใส่เสื้อกลับหัว

พิธีกรรมนี้ไม่มีอะไรมากแต่ต้องอาศัยเทคนิคยิมนาสติกนิดหน่อย เริ่มด้วยการใส่เสื้อกลับด้านเอาข้างหลังมาไว้ข้างหน้าจากนั้นก็ขอเชิญคนอยากลองเอนกายลงนอน เอาขาพาดเตียงไว้ส่วนหัวห้อยลงมา เตรียมเสียงกรี๊ดเยอะๆ แล้วมองขึ้นไปบนเพดานได้เลย

4.น้ำตาคือสัญญา

เวลาไปงานศพ ถ้าอยากให้คนตายกลับมาหา ให้ร้องไห้แล้วเอาน้ำตาไปป้ายที่ตาของศพอีกไม่กี่คืนต่อมา เขาจะกลับมาทักทายกับคุณ เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ

5.ผีขนมต้ม

วิธีนี้จดลิขสิทธิ์แล้วว่าเป็นของไทยแท้แต่โบราณ เป็นเรื่องที่คนเฒ่าคนแก่เขายืนยันมาว่าเห็นจริง !! ในเวลาตีหนึ่งให้ผูกขนมต้มไว้รอบเอว เดินพนมมือทวนเข็มนาฬิการอบโบสถ์ 3 รอบจนไปจบที่หน้าโบสถ์พอดี จากนั้นก็เดินออกประตูวัดไปแล้วหันกลับมามอง คุณจะได้เห็นเปรตสัมภเวสียืนรอชิมขนมต้มอยู่ตรงนั้นแน่นอน




!!ใครอยากลองก็ไม่ว่ากัน วิธีดังกล่าวนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้ลองเลียนแบบหรืองมงายแต่อย่างใด

ขอบคุณข้อมูลจาก Horolive
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com



INFO: sanook.com

ชาวมายา เผยอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด



    ชนเผ่ามายาในประเทศเม็กซิโกซึ่งมีอยู่ 8 แสนคน เป็นชนเผ่าที่มีความลึกลับ และ เชื่อมั่นในวันล้างโลกตามปฏิทินโบราณของชนเผ่ามายา ขณะที่คนรุ่นปัจจุบันบอกว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ต้องไปวิตกกังวลใดๆ

วันนี้ (16 ธ.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอูห์-เมย์ ประเทศเม็กซิโกว่า ชนเผ่ามายาซึ่งอาศัยอยู่บนคาบสมุทรยูคาตันของประเทศเม็กซิโก ยังคงใช้ชีวิตกันไปตามปกติ อาศัยอยู่ในบ้านที่ทำจากโคลนและไม้ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์และความร้อนจากแรงกดอากาศ ปลูกพืชไร่ และ เลี้ยงสัตว์

    ในปลายสัปดาห์นี้จะเป็นวันสิ้นสุดตามปฏิทินของชนเผ่ามายา 5,125 ปี เชื่อกันว่าจะเป็นวันสิ้นโลก ซึ่งก็มีหนังสือหลายเล่มรวมทั้งภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาโดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับปฏิทินของชนเผ่ามายา จนเป็นข่าวลือที่แพร่สะพัดกันไปว่า จะเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ เกิดพายุสุริยะ และ สนามแม่เหล็กของขั้วโลกสลับข้าง จนเกิดความวุ่นวายไปหมด

    เรื่องนี้ นายลิบอริโอ เยห์ คินิล วัย 62 ปี ชนเผ่ามายาในยุคปัจจุบัน กล่าวว่า จำเหตุการณ์เมื่อปีค.ศ.2006 ในวันที่ 6 เดือน 6 หรือที่เรียกว่า 6-6-6 หลายคนคิดว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นมา แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และสำหรับวันสิ้นโลก 21 ธ.ค.2012 ทำไมจะต้องไปตื่นตระหนกกันเกิดเหตุ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

    นักโบราณคดีไม่พบหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ชนเผ่ามายาเคยทำนายเรื่องวันสิ้นโลก ดังนั้นจึงไม่ควรไปหวาดวิตกอะไร แต่ทางฝ่ายสำนักงานการท่องเที่ยวของเมืองเมริดา ต่างวิตกว่า ห้องพักของโรงแรมในเมืองจะเต็ม เพราะจะต้องมีผู้คนจำนวนมากมาประกอบพิธีกรรม เพื่อเสริมพลัง ที่ปิรามิดโบราณของชนเผ่ามายา



INFO : http://www.dailynews.co.th

ประวัติต้นคริสต์มาส


ในช่วงยุคกลาง การเล่นละครทางศาสนาที่เป็นที่ชื่นชอบที่แสดงให้เห็นเรื่องการขับไล่อาดัม และเอวาออกจากสวนเอเดน

"ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบ ผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าโบสถ์ ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้

ในศตวรรษที่ 16 ในเยอรมันมีการตกแต่งต้นสนทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วยแอปเปิล, ดอกกุหลาบ, ลูกกวาดที่ฉาบสีทอง, และกระดาษสี

ต้นสนที่แขวนลูกแอปเปิลถูกนำมาใช้เพื่อแสดงเป็นนัยถึงสวนเอเดน -- ต้นไม้สวรรค์ การเล่นที่จบลงด้วยคำทำนายถึงการมาของพระผู้ไถ่ ดังนั้นจึงมักจะแสดงกันในช่วงเตรียมรับพระคริสตสมภพอยู่บ่อยๆ

เชื่อ กันว่ามาร์ติน ลูเธอร์ ได้เริ่มประดับต้นไม้ด้วยไฟเป็นคนแรก ขณะกลับบ้านในตอนเย็นในเดือนธันวาคม ความสวยงามของดาวที่ส่องแสงผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นสนดลใจให้เขาสร้างแสงที่ ต้นคริสต์มาสในบ้านโดยการใช้เทียนวางบนกิ่งก้านของต้นสนเล็กในบ้านของเขา

ต้น คริสต์มาสถูกนำเข้ามาที่ประเทศอังกฤษโดยเจ้าชายอัลเบิร์ต ราชสวามีของพระนางวิกตอเรีย แห่งอังกฤษที่ทรงเป็นชาวเยอรมัน ภาพข่าวที่มีชื่อเสียงในปี 1848 ที่ แสดงพระบรมวงศานุวงศ์ของ พระราชินีวิคตอเรีย เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามีและพระโอรสธิดาที่อยู่รวมกันรอบต้นคริสต์มาสในปราสาทวินเซอร์ ทำให้ต้นคริสต์มาสนั้นเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งอังกฤษในสมัยพระนางวิคตอเรีย และถูกนำมาอเมริกาโดย เยอรมันชาวเพนซิลวาเนียในปลายศตวรรษที่ 19

แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (ปฐก.2:9) ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น



INFO: คริสเตียนไทย

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แสงปริศนา โผล่เหนือท้องฟ้าที่ศรีลังกา เชื่อเป็น UFO


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวศรีลังกา พบเห็นแสงประหลาดลอยอยู่บนท้องฟ้า โดยมีลักษณะกระพริบเป็นจังหวะ ซึ่งมีผู้บันทึกภาพวีดิโอเอาไว้ ทำเอาชาวบ้านแตกตื่น บางส่วนเชื่อว่ามันคือ ยานของมนุษย์ต่างดาว บ้างก็สันนิษฐานว่า เป็นแสงจากดาวอังคารที่โคจรมาใกล้โลก

ซึ่งภายหลัง กองทัพอากาศศรีลังกา(SLAF) ก็ออกมาระบุว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะมายืนยันข่าวลือนี้ แต่ก็ยอมรับว่า ณ ตอนนั้น (คืนวันจันทร์ ที่ 10 ธ.ค.) ไม่มีเครื่องบินลำไหนปรากฏอยู่บนจอเรดาร์ ซึ่งทางกองทัพอากาศได้มีคำสั่งเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง




INFO: http://news.mthai.com/world-news/207698.html

สิทธิพิเศษเฉพาะ ซัมซุงกาแลคซี่ โหลดฟรี! หนัง GTH ยกค่าย







ซัมซุง ร่วมกับค่ายหนัง GTH เปิดตัวแอพฯ “AIS Galaxy Movie Store” ให้ลูกค้าเอไอเอส,ดีแทค และทรูที่ใช้ซื้อเครื่องซัมซุง กาแลคซี่ ได้ดูหนัง GTH ฟรี แบบยกค่าย กว่า 30 เรื่อง ด้วยความคมชัดระดับ HD ตั้งแต่เรื่องแรกของค่ายอย่าง แฟนฉัน, เพื่อนสนิท จนถึงเรื่องยอดฮิตอย่าง กวน มึน โฮ, ATM เออรักเออเร่อ, SuckSeed ห่วยขั้นเทพ ฯลฯ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธค 2555 รีบดาวน์โหลดมาเก็บไว้กัน
ลูกค้าที่ใช้เครื่อง Samsung Galaxy Note 2, Galaxy Note 10.1, Galaxy S2, Galaxy S3, Galaxy Tab ทุกรุ่น สามารถดาวน์โหลดแอพฯ AIS Galaxy Movie Store พร้อมดูหนัง GTH ฟรีแบบยกค่าย ได้ง่ายๆ ผ่านทาง Play Store จากนั้นคลิกไอคอนเพื่อเปิดแอพพลิเคชั่น จะมีภาพยนตร์ค่าย GTH ให้เลือกชมมากมาย



INFO: โพสต์ทูเดย์

เจ๋ง! ผลิต ผ้าคลุมล่องหน ใช้ได้จริง

เมื่อผ้าคลุมล่องหน ถูกผลิตและใช้ได้จริงในทางทหาร


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทไฮเปอร์สตีลธ์  บริษัทผู้ผลิตผ้าคลุมล่องหน ได้เปิดตัวผ้าคลุม ซึ่งสามารถล่องหนได้ โดยการปล่อยคลื่นอ่อน ๆ โค้งรอบตัวผู้สวมเพื่อให้ไม่มีใครมองเห็น

นายกาย เครเมอร์ ซีอีโอของบริษัท ไฮเปอร์สตีลธ์ ไบโอเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทัพสหรัฐฯ และกองทัพของแคนนาดา ได้เห็นการทำงานจากของจริงแล้วและสามารถพิสูจน์ได้ว่าผ้าคลุมล่องหนนี้สามารถทำงานได้จริง สามารถป้องกันการมองเห็นจากกล้องอินฟาเรดและกล้องจับความร้อนได้อีก และที่สำคัญราคาไม่แพง

"ผ้าคลุมนี้จะช่วยให้นักบินรบสามารถดีดตัวออกจากเครื่องโดยไม่ถูกจับกุม และช่วยให้กองกำลังพิเศษจู่โจมในเวลากลางวันได้โดยไม่ถูกตรวจพบ อีกทั้งช่วยสร้างเครื่องบินล่องหนซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือเรดาร์ รวมถึงปกปิดเรือดำน้ำซึ่งโผล่ขึ้นมาใกล้ ๆ กองเรือรบของศัตรูอีกด้วย"

ส่วนรายละเอียดเทคโนโลยีการผลิตนั้น ทางผู้ผลิตปฏิเสธที่จะเปิดเผย มีเพียงแต่เสนอผ่านภาพจำลองบนเว็บไซต์เท่านั้น



INFO: http://www.posttoday.com/รอบโลก/193156/เจ๋ง-ผลิตผ้าคลุมล่องหนใช้ได้จริง

โลกใบนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานถึง 4500 ล้านปี

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา


โลกใบนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานถึง 4500 ล้านปี
เพราะตอนนี้อายุของโลกที่เฉลี่ยทางวิทยาศาสตร์
ยังเดินไปเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

ส่วนคำทำนายของชนเผ่ามายาผมมองว่า
มันเหมือนการเริ่มต้นของยุคใหม่มากกว่า
แต่ที่คนกลัวกันเพราะอาจจะคิดต่างไปเองว่า
การไม่มีบันทึกต่อไปคือวันสิ้นสุดของโลก
และในกรณีของคัมภีร์ไบเบิลก็เช่นเดียวกัน
อักษรไคว่หรือรหัสลับที่มีคนทำนาย
อาจเป็นเพราะคนเราคิดต่าง
และหาข้อเปรียบเทียบกันไปเอง
ซึ่งบางอย่างมันตรงกับความจริงพอดี

วันสิ้นโลกในอนาคตอันใกล้นี้ อาจยังไม่เกิดขึ้นก็จริง
แต่วันสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ด้วยการกระทำของเราทุกคนเอง

มันจะสำคัญอะไร
หากในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้โลกจะแตก
เพราะในเมื่อทุกวันนี้ มนุษย์เราเองยังตอบไม่ได้เลยว่า
เราเคยให้ประโยชน์หรือสร้างสรรค์สิ่งดีๆอะไรบ้างเพื่อโลกเรา


INFO: ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สกลนครท้าพิสูจน์ วันสิ้นโลก ขึ้นปราสาทภูเพ็ก วัดแกนโลก


นายจิระพงษ์ ทองไชย สมาชกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร (ส.อบจ. เขต 1 อ.พรรณนานิคม) เปิดเผยว่า จากการที่เป็นสมาชิก ชมรม "พยัคฆภูเพ็ก" อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร และมีหน้าที่คอยดูแลปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่ภูเพ็ก เทือกเขาภูพาน ตำบลนาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม จ.สกลนครว่า จากการที่ได้ศึกษาและค้นคว้าส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่บนภูเพ็ก เป็นปฎิทินขอมพันปี หรือที่เรียกกันว่า "สุริยะปฎิทิน" โดยมี อาจารย์สรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ผู้เชี่ยวชาญดาราศาสตร์ เป็นหัวหน้าทีมงานสายวิชาการ

อาจารย์สรรค์สนธิ ระบุว่าในวันที่ 21 ธ.ค. 2555 หรือปี 2012 ปฎิทินชาวมายาบอกว่าโลกจะดับสูญ แต่ปฎิทินขอมพันปีที่ปราสาทภูเพ็ก บนยอดเขาสูง 520 เมตร ชี้ว่าวันนี้เป็นวัน "เหมายัน" กลางคืนยาวที่สุดและโลกก็ยังคงอยู่ต่อไป

ดังนั้นก่อนวันที่ดังกล่าว ทีมงาน "พยัคฆ์ภูเพ็ก" จึงขอท้าพิสูจน์แบบชนิดจัดเต็มเชิงประจักษ์ โดยนัดกันที่ปราสาทภูเพ็กตั้งแต่คืนวันที่ 20 ธ.ค. 2555 จนถึงบ่ายวันที่ 21 ธ.ค. 2555 เพื่อปฏิบัติการทางฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และที่ขาดไม่ได้คือ ลึกลับศาสตร์ ยืนยันว่าแกนของโลกยังคงอยู่เหมือนเดิม

วิทยากรที่ร่วม คือ นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา และ อาจารย์วรวิทย์ ตงศิริ หรือ ฤาษีเอก อมตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณและลึกลับศาสตร์ และลุงบุปผา ดวงมาลย์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้รู้จักปราสาทภูเพ็กทุกซอกทุกมุม เราทั้งสี่คนจะพิสูจน์ให้เห็นว่า "แกนโลก" ยังคงอยู่ที่ 23.5 องศา และขั้วโลกเหนือก็ยังคงชี้ไปที่ "ดาวเหนือ" ดวงอาทิตย์จะมาตามนัดที่ตำแหน่งมุมกวาด 115 องศา ตรงตำแหน่งรอยสลักสัญลักษณ์ของสุริยะปฏิทินขอมพันปี ทั้งหมดนี้จะใช้หลักฐานทางดาราศาสตร์ของบรรพชนโบราณที่ปรากฏอยู่บนปราสาทภูเพ็กเป็นตัวช่วย โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคใดๆทั้งสิ้น

นายจิระพงษ์ กล่าวต่อว่า จากการที่จะมีการท้าพิสูจน์ดังกล่าวทำให้ประชาชนที่สนใจศึกษา และบางรายคิดว่าโลกจะดับสูญหรือสิ้นโลกจริงหรือ จะนัดกันขึ้นไปท้าพิสูจน์กันบนยอดภูเพ็กในช่วงคืนวันที่ 19-20 ธ.ค.นี้ เพื่อพิสูจน์ระหว่างปฎิทินของชาวมายา กับปฎิทินขอมพันปี ที่เรียกกันว่าสุริยะปฎทิน บนภูเพ็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวบเนจะเดินทางกันขึ้นไปพิสูจน์ นอกจากนั้นในช่วงวันดังกล่าว จะมีประชาชนจากทุกสารทิศมีการจัดกิจกรรมวิ่ง เดิน มินิมาราธอน ขึ้นภูเพ็กอีกด้วยคาดว่าจะมีผู้คนเดินขึ้นไปท้าพิสูจนนับหมื่นคน"ส.อบจ.กล่าว

ด้าน นายสรรค์สนธิ กล่าวว่า วันที่ 21 ธ.ค. 2555 ปฏิทินชาวมายา บอกว่าโลกจะดับสูญ แต่ปฎิทินขอมพันปีทำมาเพื่อการประกอบพิธีกรรม ดังนั้นเราจึงจัดผู้ที่รู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ทั้งลึกลับ วิทยาศสาสตร์ ต่างมาพูดคุยให้ประชาชนผู้สนใจฟัง โดยใช้พื้นที่ของจริง ที่ภูเพ็กในวันที่ 20 ธ.ค. นี้ เพื่อท้าพิสูจน์ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น 10 ชั่วโมง

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ทีมพยัคฆภูเพ็ก และที่ อบต.นาหัวบ่อ เพื่ออำนวยความสะดวก โดยที่พักเป็นลานบริเวณภูเพ็ก เพื่อให้เห็นของจริงว่าวันดังกล่าวจะสิ้นโลกจริงหรือไม่







INFO: www.sanook.com

สาวก งิด !! 7 วัน iPhone 5 ตัวบวม (ไทย)

สาวก Apple เริ่มหมดศรัทธา กับ iPhone 5(ไอโฟน 5) ขึ้นทุกวันแล้ว ที่มีปัญหาเกิดขึ้นมาตลอดแบบไม่จบไม่สิ้น จนล่าสุดสาวก Apple เจอทีเด็ด iPhone 5 ดันเกิดอาการตัวร้อนและขยายดัวเองอัตโนมัติ แบบไม่มีโหราศาสตร์คนไหนมาทำนายล่วงหน้าให้ก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเค้าเอง ที่พึ่งไปสอยมาจากศูนย์ AIS สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมา แล้วนำมาใช้งานได้ 7 วัน


จนทำให้สาวกตกใจกลัวว่ามันจะระเบิดคามือและอาจทำให้ไม่มีมือใช้โทรศัพท์อีกต่อไป เลยต้องออกมาตั้งคำถามในกระทู้ของเว็บพันทิพ และโพสภาพ iPhone 5 ของตนเองให้เห็นเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นว่าควรทำอย่างไรดี ด้วยสาวกได้อธิบายว่าพอเกิดอาการขึ้นก็ได้ปิดเครื่องแล้วตั้งทิ้งไว้ทั้งคืน พอเครื่องเริ่มเย็นลงตัวเครื่อง iPhone 5 ก็ยุบลงไปนิดหน่อยแต่ก็ยังสังเกตเห็นได้ว่ายังตัวบวมอยู่บ้าง



แล้วได้ตัดสิ้นนำเจ้าตัวปัญหา iPhone 5 ไปให้กับทางศูนย์ AIS ดู และล่าสุดทางศูนย์ AIS ก็รับเคลม แต่ต้องรอเครื่องจากกรุงเทพฯส่งมาก่อน เพราะตอนนี้เครื่องที่ศูนย์ AIS สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมาได้จำหน่ายหมดแล้ว



สาวกหลายๆคนก็อาจจะดีใจกันไปว่าอย่างน้อยก็ไม่เกิดกับตัวเอง "แต่ก็ไม่แน่นะต้องดูกันต่อไปว่าใครจะเป็นรายต่อไป"


INFO: Pantip, http://hitech.sanook.com/สาวกงิด-7-วัน-iphone-5-ตัวบวมไทย/

14 เคล็ดลับในการช่วยตัวเอง






14 ข้อนี้ ถ้าเราทำความเข้าใจ ก็สามารถมีความสุขสุดยอดได้ด้วยตัวเอง


      1. คุณต้องไม่มีอคติหรือความกลัวหรือความรู้สึกผิดเกี่ยวกับการช่วยตนเอง ด้วยการช่วยตนเอง ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ ไม่ติดโรค ไม่ทำให้ท้อง ไม่ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ฯลฯ

      2. จงเชื่อว่าการช่วยตนเองเป็นสิทธิส่วนตัว เป็นเรื่องธรรมชาติ งานวิจัยพบว่า ร้อยละ 80 ของคุณผู้ชาย และร้อยละ 59 ของคุณผู้หญิงที่มีอายุ18 ปี เคยช่วยตนเอง การช่วยตนเองถือว่าเป็นพัฒนาการแสดงออกปกติ เมื่อมีความรู้สึกทางเพศ

     3. การช่วยตนเองถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรทำประเจิดประเจ้อ ในที่สาธารณะ เช่นในสวน ในรถ เรือ เครื่องบิน หรือโรงภาพยนตร์ ฯลฯ

     4. จะช่วยตนเองให้ถึงจุดสุดยอด คุณต้องมีความต้องการทางเพศ

     5. นอกจากบรรยากาศสงบเงียบเป็นส่วนตัวแล้ว คุณต้องไม่เครียด มีอารมณ์ผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ พบว่าจะถึงจุดสุดยอด การช่วยตนเองใช้เวลาเริ่มและจบ ประมาณ 30 นาที

     6. คุณต้องรู้จักร่างกายส่วนสงวนของคุณ ว่าจุดไหนที่สามารถเร้าให้ถึงจุดสุดยอดได้  ไม่ว่าจะโดยการลูบคลำ คลึง ถู จับ นวด ฯลฯ

     7. การใช้จินตนาการ ดูรูปภาพ ดูหนังเอ็กซ์ ฯลฯ ขณะช่วยตนเอง สามารถไปถึงจุดสุดยอดเร็วขึ้น


     8. การใช้อุปกรณ์เสริม เช่น อวัยวะเพศเทียม, sex toy อื่นๆ เช่น เครื่องสั่นสะเทือน ทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น

     9. การใช้อุปกรณ์ช่วยตัวเองอื่นๆ เช่น น้ำอุ่นจากหัวฉีดหรือฝักบัว น้ำเย็นเจี๊ยบ น้ำแข็ง อาจทำให้ถึงจุดสุดยอดได้เร็วขึ้น

     10. ระมัดระวังการใช้อุปกรณ์เสริมที่ไม่สะอาดมีสนิมบอบบางแตกง่ายอาจ ซึ่งก่ออันตรายได้ เช่นขวดน้ำอัดลม (แก้ว) หากสอดใส่ปากมดลูกอาจถูกดูดเข้าไปในปากขวด, ฝาครอบน้ำยาทารักแร้ ใส่แล้วเอาออกไม่ได้ ฯลฯ สุดท้ายต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล

     11.เลือกวิธีที่เหมาะกับตน เช่น คุณผู้หญิงบางคนสามารถถึงจุดสุดยอดโดยการคลำคลึง ฯลฯ ปุ่มกระสัน บางคนต้องสอดใส่อุปกรณ์อวัยวะเพศเทียม

     12.การขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขณะช่วยตนเอง ไม่ว่าในคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ทำให้ถึงจุดสุดยอดง่ายขึ้น

     13.ว่ากันว่า หากมีเพื่อนมาช่วยทำการช่วยตนเองด้วย จะทำให้สนุก ถึงจุดสุดยอดง่ายขึ้น

     14.บางคนถึงจุดสุดยอดง่ายขึ้น หากมีเสียงประกอบที่ชอบ เช่น เสียงครางครวญ เพลงบรรเลง ฝนตก ร้องโหยหวน ฯลฯ แต่ควรระมัดระวังอย่าเปิดเสียงดังเกิน เพราะเสียงเหล่านี้บางเสียง อาจทำให้ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงตกใจจนเรียกตำรวจมาตรวจสอบได้



INFO: http://women.thaiza.com

ข้อดี : การช่วยตัวเอง ของผู้หญิง







ในสังคมปัจุบันการที่เราจะทำการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองคงไม่ใช่เรื่องหน้าอายอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง หรือ เพศชาย วันนี้เราเองเหตุผลดีๆของการช่วยตัวเองสำหรับสาวๆมาฝากกันเพราะมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน คงไม่แปลกว่าอารมณ์ทางเพศเมื่อถึงวัยอาจควรอย่าวัยรุ่นย่อมมีกันได้ทุกคน การที่เราฝืนหรืออดกั้น มีส่วนส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตได้ในอนาคต วันนี้เรามีข้อคิดดีๆเกี่ยวกับการช่วยตัวเองของสาวๆ ผู้หญิงหลายคน ยังคงกังวล และกลัวที่จะช่วยตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติ อย่ามั่วแต่ทำให้เสียสุขภาพจิตกันเลยค่ะ เพราะการช่วยตัวเองในปริมาณที่ปกติจะช่วยในเรื่องสุขภาพได้ดีอย่างหนึ่ง  อย่ามัวแต่นั่งเหงา กังวลอยู่เลยค่ะ มาดูเหตุผลดีๆ ในการช่วยตัวเองกันดีกว่าค่ะ


  • การช่วยตัวเองช่วยให้เราเรียนรู้ร่างกายตัวเอง เรียนรู้ความต้องการทางเพศของตัวเอง ถ้าคนที่มีคู่แล้ว อย่าลืมบอกสิ่งที่รู้ให้คู่ของเราได้รับรู้เพื่อชีวิตคู่ที่ดีขึ้น ชีวิตรักก็จะสดใสเบิกบานได้ค่ะ
  • ปลดปล่อยความเครียด เป็นยานอนหลับชั้นดีที่ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพดีด้วย
  • สอนให้เราแยกความรักออกจากเซ็กซ์ ทำให้เรารู้ว่า การถึงจุดสุดยอด ไม่ได้หมายความว่าเรารักอยู่กับคนที่เรากำลังมีเซ็กซ์ด้วย รู้จักให้คสามสำคัญกับความรักเอาใส่ใจมากขึ้น
  • สำหรบสาวโสด ช่วยให้ไม่ต้องงุ่นง่าน หรือต้องนอนเหงา น้อยใจ หรือเผลอนอนกับผู้ชายคนแรกที่เจอ การช่วยตัวเองจะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขกับชีวิตสดได้ค่ะ

     
  • ปลอดภัยแน่นอน ดีต่อสุขภาพ ไม่ต้องเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์กับคนที่ไม่ได้รักหรือไม่พร้อม และยังปลอดภัยจากการติดเชื้อต่างๆ อีกด้วยไม่ทำลายสุขภาพร่างกายในอนาคต

     
  • การช่วยตัวเอง จนถึงจุดสุดยอด การคือสุดยอดเคล็ดลับความงาม เพราะการถึงจุดสุดยอดช่วยให้ระบบหมุนเวียนในร่างกายดีขึ้น ลดความเครียด ผิวพรรณผุดผ่อง สุขภาพระบบเลือดการเต้นของหัวใจดีขึ้น

     
  • การที่ต้องการให้มีจุดสุดยอด ยิ่งช่วยตัวเองมากขึ้น ก็ยิ่งถึงจุดสุดยอดมากขึ้น ไม่ว่าจะมีเซ็กซ์กับผู้ชายหรือไม่ก็ตาม ยิ่งทำมากก็ยิ่งถึงจุดสุดยอดง่ายขึ้น ดีต่อคู่รักและสุขภาพจิตของคู่รัก

     
  • ไม่ต้องเครียดกังวลหรือระแวงในขณช่วยตัวเอง สามารถจดจ่ออยู่กับความสุขส่วนตัว ไม่ต้องเสียสมาธิคอยกังวลกับคนอื่น ทำให้ผ่อนคลายความเครียด

     
  • การทำให้ตัวเองถึงจุดสุดยอดคือ ความเป็นเอกราชทางเพศ ไม่ขึ้นกับใคร ไม่ต้องง้อใครได้ค่ะสาวๆ



INFO: http://www.108health.com

วิธีเอาชนะ ความเครียด ในที่ทำงาน



ใครไม่อยากเป็น Office Syndrome ต้องรู้จักวิธีการบริหารจัดการความเครียดในที่ทำงาน เพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่าคุณสามารถเอาชนะความเครียดที่มักตอแยและระรานคุณในที่ทำงานได้อย่างไร


ดื่มน้ำอุ่น เข้าใจว่าอยู่ในเมืองร้อน แต่ไหนๆ ลมหนาวก็เริ่มโชยมาแล้ว ก็ลองหัดดื่มน้ำอุ่นกันดูบ้าง เพราะมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ทั้งการช่วยขับสารพิษที่สะสมในร่างกาย อันจะเป็นเหตุให้เกิดการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว เจ็บตามส่วนต่างๆ ที่สำคัญน้ำอุ่นยังช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญสำหรับคุณสาวๆ การดื่มน้ำอุ่นช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ลดรอยเหี่ยวย่นอีกต่างหาก จะมัวแต่หวังพึ่งครีมราคาแพงก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากเท่ากับการดูแลสุขภาพจากภายใน


ตะโกนให้ดัง เมื่อเกิดความเครียดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความเครียดสะสมจากการไม่ถูกชะตากับเพื่อนร่วมงานที่ต้องนั่งเผชิญหน้ากันทุกวัน หรือเป็นความเครียดแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะไม่สบอารมณ์ที่บริษัทเพิ่งติดประกาศว่าไม่มีนโยบายขึ้นเงินเดือนให้ในปีหน้า หรือเครียดหนักเมื่ออินเตอร์เน็ตที่ออฟฟิศล่มมาครึ่งค่อนวัน ทำให้ทำงานส่งลูกค้าไม่ทัน ก็จงอย่าอัดอั้น หัดพูดออกมาดังๆ บ้างเพื่อเป็นการระบาย การกรี๊ดหรือร้องตะโกนในห้องน้ำ (ช่วงปลอดคน) จะทำให้คุณรู้สึกโล่งขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ


ยืดเส้นยืดสาย การยืดกล้ามเนื้อแบบง่าย ๆ ที่โต๊ะทำงาน ก็ช่วยให้ร่างกายเราผ่อนคลายได้ เช่น การหมุนคอ การยักไหล่หมุนไหล่ การไขว้และบิดแขน เป็นต้น การเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ย่อมดีกว่าการนั่งหลังขดหลังแข็งเป็นเวลานาน อ้อ! ที่สำคัญ สำหรับสาวๆ ทั้งหลายไม่ควรนั่งไขว่ห้างทำงานนานๆ เข้าใจว่าเป็นท่านั่งที่สวยและอาจจะเคยชิน แต่การไขว่ห้างเป็นท่านั่งที่ต้องเทน้ำหนักไปด้านใดด้านหนึ่งซ้ำๆ เป็นเวลานานๆ ดังนั้นระหว่างที่นั่งไขว่ห้างเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาทั้งสองจะถูกแรงของขาทั้งสองข้างบีบเอาไว้ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพราะต้องสูบฉีดเลือดให้ร่างกายลำเลียงไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ให้ทั่วถึง

วางท่วงท่าให้เหมาะสม ควรวางแขนขนานราบกับพื้น แป้นพิมพ์อยู่ในระดับต่ำกว่าข้อศอกเล็กน้อย ทำให้ไม่รู้สึกเมื่อย นั่งหลังตรง หน้าจออยู่ระดับสายตาหรือต่ำกว่าระดับสายตา 10-20 องศา ทำให้ไม่เงยหน้าหรือก้มหน้าจนเกินไป ที่สำคัญอย่านั่งไหล่ห่อ หลังค่อม เพราะนอกจากจะเสียบุคลิกภาพแล้วยังจะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้


ละสายตาจากหน้าจอคอมฯ ทุกๆ 20 นาที ควรคลายกล้ามเนื้อสายตาด้วยการมองไกลๆ ราว 20 วินาที และเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์เราจะกะพริบตาน้อยลงกว่าปกติ 5 เท่า ทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ ทางแก้คือการใช้น้ำตาเทียม นอกจากนี้การหลับตาเพียง 5-10 วินาที ก็นับเป็นการพักระหว่างการทำงานที่ดี


ปิดคอมฯ เมื่อไม่ใช้งาน ควรปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อลดระยะเวลาในการรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และความเครียด


อย่ากินจุบจิบ อย่าให้การทำงานในออฟฟิศที่ต้องนั่งจมจ่อมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กลายเป็นเครื่องสังหารที่ทำให้คุณอ้วนเบอะบะโดยไม่รู้ตัว ด้วยการทานนั่นทานนี่ตลอดทั้งวัน โปรดบอกลาลูกอม และขนมหวานต่างๆ เสียตั้งแต่วันนี้ หรือหากอยากกินของหวานแก้เครียด ขอแนะนำว่าแทนที่จะซัดของหวานชามโต ก็เปลี่ยนมาเป็นละเลียดไอศกรีมถ้วยเล็กๆ จะดีกว่า


ออกไปเดินเล่นบ้าง การได้ออกไปสูดอากาศในตอนกลางวันเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถช่วยลดความเครียด หรือความวิตกกังวลได้ แทนที่จะอุดอู้อยู่กับห้องแอร์ทั้งวัน


ใช้สิทธิ์พักร้อนให้เต็มที่ คำว่า Vacation ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้เฉพาะในพจนานุกรม หรือเขียนไว้ในระเบียบข้อบังคับของบริษัทเท่านั้น กรุณานำมาใช้ในชีวิตจริงด้วย อย่าบ้างานจนปล่อยให้ร่างกายและจิตใจทรุดโทรม แล้วอ้างว่าไม่มีเวลาชาร์จแบตฯ เพราะคุณประโยชน์ของการพักร้อน คือ การที่คุณจะได้พักผ่อนจริงๆ เป็นการหลีกหนีจากงานชั่วขณะ เพื่อเติมพลังชีวิตให้สามารถกลับมาสะสางภาระหน้าที่ต่างๆ ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ที่สำคัญเพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พึงระลึกไว้เสมอว่า ‘Work Smarter, Not Harder' เพราะหมดยุคหมดสมัยที่จะมาตรากตรำทำงานหนักกันแล้ว ยุคนี้เป็นโอกาสของคนที่รู้จักหาหนทางในการทำงานอย่างชาญฉลาดต่างหาก ทำงานหนักใช่ว่าจะทำให้ได้ผลงานที่ดี แต่ทำงานอย่างฉลาดต่างหากที่จะให้ผลงานที่น่าชื่นชม



INFO: www.sanook.com

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตุ๊กตาเด็ก ที่เหมือนมีชีวิตจริงๆ

 ตุ๊กตาเด็ก ที่เหมือนมีชีวิตจริงๆ


ลอว์เรนซ์ รูเอต์ ศิลปินวาดภาพเหมือน จากเมืองดิจอง ประเทศฝรั่งเศส ค้นพบว่าเธอรักการประดิษฐ์ตุ๊กตาที่เหมือนเด็กจริงๆ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว

ตุ๊กตาเหล่านี้ทำด้วยมือจากโพลีเมอร์ เรซิ่น ที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นแล้วนำไปเผาไฟเหมือนกระเบื้อง ส่วนลูกตาทำจากแก้ว เส้นผมทำจากขนแพะหรือผมคน  แม้แต่เสื้อผ้าและรองเท้าก็พิถีพิถันเลือกชุดแบบคลาสสิคและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตุ๊กตาเหล่านี้มีตั้งแต่อายุแรกเกิดจนถึงอนุบาลทั้งเด็กชายและเด็กหญิง โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการประดิษฐ์ตุ๊กตาแต่ละตัว

รูเอต์บอกว่าตุ๊กตาเหล่านี้ไม่ใช่ของเล่น แต่เป็นของสะสม โดยสนนราคาอยู่ที่ตัวละ 17,000-53,000 บาท











INFO: หนังสือพิมพ์มติชน

บุหรี่ ยิ่งสูบ ยิ่งโง่


เคยได้ยินสิงห์อมควันหลายคนบอกว่า หากคิดอะไรไม่ออก พวกเขาจะขอเวลานอกไปสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลาย ทว่านับจากนี้ไป พวกเขาอาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะล่าสุด มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

เปิดเผยถึงผลวิจัยจากคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสารเจอร์นอลเอจ แอนด์ เอจจิ้ง รายงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อความจำ การเรียนรู้ และความสามารถด้านการวิเคราะห์ของสมอง

คณะผู้วิจัยมีการติดตามกลุ่มตัวอย่าง อายุมากกว่า 50 ปี จำนวน 8,800 คน ในทุกๆ สี่ปีและแปดปี ด้วยการทดสอบสมรรถภาพของสมอง เช่น ความจำ การเรียนรู้คำใหม่ๆ หรือการให้บอกชื่อสัตว์ให้ได้มากที่สุดภายในเวลาหนึ่งนาที ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า ตัวแปรที่ทำให้สมรรถภาพของสมองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คือ การสูบบุหรี่มีผลมากที่สุด รองลงมาคือ ความดันโลหิตสูง และน้ำหนักตัวเกิน ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงสรุปว่า ตัวแปรเหล่านี้ แต่เดิมมักรับรู้กันว่าไม่ดีต่อหัวใจ คือ ทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า ไม่ดีต่อสมองด้วย

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า งานวิจัยนี้ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า การสูบบุหรี่ส่งผลต่อการเสื่อมหรือแก่ของอวัยวะทั่วร่างกาย โดยไม่มีข้อยกเว้น เนื่องจากสารพิษและสารแปลกปลอมนับร้อยชนิดในควันบุหรี่ จะถูกกระแสเลือดพาไปสัมผัสและทำอันตรายต่อทุกอวัยวะ ที่เราเห็นได้ชัด คือ ผิวหนังและใบหน้าที่เหี่ยวย่นเกิดจากการที่คอลลาเจนใต้ผิวหนังถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ และอวัยวะ เช่น ปอดที่ถุงลมถูกทำลายจนเป็นโรคถุงลมปอดพอง ในขณะที่เส้นเลือดทั่วร่างกายก็เกิดการแข็งตัว และรูเส้นเลือดค่อยๆ ตีบตัน การสูบบุหรี่จึงไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการเสื่อมของร่างกายทางกายภาพเท่านั้น งานวิจัยของคิงส์คอลเลจยังแสดงว่า พิษภัยของบุหรี่ยังทำให้ระดับสติปัญญาของสมองลดลงด้วย ทางที่ดีที่สุดจึงควรเลิกสูบบุหรี่ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไรก็ตาม


เมื่อบุหรี่ไม่มีดีดังที่เล่าไว้นั้น สิงห์อมควันก็น่าจะลด ละ เลิกกันได้แล้ว



INFO: http://variety.teenee.com

หลายเหตุ 7 ข้อที่ควรมี เซ็กส์


ด้วยความเป็นผู้ชาย เกิดมา ยังไงก็คงจะให้หลีกเลี่ยง เซ็กส์ ไม่ได้ ประโยชน์หลักๆ เลยคือ เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ แต่ไม่ก็ไม่ได้มีประโยชน์เพียงแต่เท่านั้นนะครับ หากมองดีๆแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างด้วยกัน ที่เป็นเสียงยืนยันว่า ทำไมถึงควรมีเซ็กส์

 
1. ลดความเครียด
การมีเซ็กส์สามารถลดความดันเลือดและสามารถผ่อนคลายความเครียดลงได้ มีการศึกษาที่ประเทศสก็อตแลนด์มาแล้วครับว่า กลุ่มผู้ชาย ที่มีเซ็กส์ ก่อนไปปฏิบัติงานเครียดๆ (เช่นการพูดในที่สาธารณะหรือ คิดเลข) จะมีการตอบสนองทางความเครียดได้ดีกว่ากลุ่มผู้ชายที่ไม่มีเซ็กส์ก่อนทำงานเหล่านั้น และในวารสารฉบับเดียวกัน ยังพบว่า การมีเซ็กส์ ยังสามารถลดความดันโลหิตได้อีกด้วย และในขณะที่คุณถึงจุดสุดยอด สมองจะหลังฮอร์โมนที่ช่วยทำให้คุณมีความสุขออกมาด้วยครับ แต่ถ้าไปมีกับคนแปลกหน้า ใช้ถุงยางอนามัยด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจมีความเครียดอันใหญ่หลวงตามมาโดยไม่รู้ตัว

2. ป้องกันหวัด

อย่างที่เคยเสนอไปครับ เมื่อสุขภาพเซ็กส์ดี สุขภาพกายก็ดีด้วย การมีเซ็กส์เพียง1-2ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มการทำงานของแอนติบอดีในร่างกายให้สูงขึ้น ซึ่งสามารถป้องกันการเป็นหวัดได้ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยด้วยนะครับ ดีเลยทีเดียว

3. เผาผลาญแคลอรี
อันนี้แน่นอนเลยละครับ เพราะการมีเซ็กส์ ยังไงก็ต้องมีการออกท่าออกทางกันอยู่แล้ว เพียง 30 นาทีตั้งแต่เริ่มกระบวนการมีเซ็กส์ ก็ทำให้คุณเผาผลาญพลังงานไปได้ถึง 85 แคลลอรี่ นี่แค่ธรรมดานะครับ ยังไม่รวมถึงการออกท่าทางที่ดุเด็ดเผ็ดมันของคุณอีก ซึ่งถ้าคุณรู้จักใช้ มันจะเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยละครับ

4. ช่วยบำรุงหัวใจและเส้นเลือด
ผู้ชายอายุเยอะทั้งหลายอาจเกิดอาการกลัวจะเกิดโรคเส้นเลือดในสมองขณะมีเซ็กส์หรือเปล่า แต่มีผลการวิจัยออกมาแล้วครับว่า มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ในขณะที่คุณมีเซ็กส์ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ยังจะช่วยลดอาการเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจวาย เมื่อเทียบกับผู้ที่มีเซ็กส์เดือนละครั้ง ถึงไม่มีเลย และถ้าคุณเป็นผู้ชายที่ถึงจุดสุดยอดมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ยังจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้ถึง 50%

5. ทำให้เกิดความรู้สึกดีต่อตัวเอง
จากการสำรวจและศึกษาพฤติกรรมของมหาวิทยาลัยเท็กซัส พบว่า การมีเซ็กส์ ทำให้มีความรักต่อตัวเองมากขึ้น หนึ่งในผู้ทดลองกล่าวว่า หลังจากที่มีเซ็กส์แล้ว ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น เพราะการมีเซ็กส์ต้องเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ที่ดี ละเริ่มที่การพูดคุยกัน และปลดปล่อยความสัมพันธ์ไปด้วยกัน และสิ่งนี้นั่นเองที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองยังเกิดความรู้สึกที่ดีต่อคู่ของคุณอีกด้วย หากหารดำเนินเซ็กส์เป็นไปด้วยดี คุณทั้งสอง ก็จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ยาวนานมากขึ้นด้วยละครับ

6. ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ผู้ชายอายุ 20 ปีขึ้นไป พบว่าการหลั่งบ่อยๆ จะช่วยลดความเสียงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ข้อนี้อ้างอิงได้จากผลการวิจัยที่มีอย่างหลากหลายเลยละครับ ไม่ว่าคุณจะหลั่งเพราะเกิดจากการช่วยตัวเอง หรือหลั่งจากการมีเซ็กส์ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้เหมือนกันครับ แต่ถ้าศึกษาลงไปแล้ว ผู้ที่เริ่มการหลั่งบ่อยๆ ตั้งแต่อายุ 20 กับ ผู้ที่มีอายุ 30 ผู้ที่เริ่มตั้งแต่ อายุ 20 จะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า อายุ 30 และจะเริ่มลดหลั่นลงไปตามอายุครับ จะว่าไป จะเรียกได้ว่า ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งดีนั่นเอง ป.ล. อัตราการหลั่งที่อ้างถึงนี่คือประมาณ 21 ครั้งต่อเดือนนะครับ

7. ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
ฮอร์โมน oxytocin ที่หลั่งออกมาในขณะที่คุณถึงจุดสุดยอดนั้น ทำให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น และถ้าหากว่าคุณมีเซ็กส์ก่อนนอนละก็....หลับสบายไปยันเช้าแน่ๆครับ


ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ เป็นเหตุผลที่พอหรือยังครับที่จะทำให้คุณมีเซ็กส์ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความพอดี และถ้าคิดจะนำประโยชน์เหล่านี้ไปใช้กับคู่ชีวิตของคุณก็เป็นการดีครับ แต่หากว่า จะนำไปเป็นข้ออ้างใช้กับคนอื่นมั่วๆ ก็แนะนำครับ ว่าใช้ได้ แต่ป้องกันไว้ซักนิดก็ดีนะครับ ข้อดีจะได้ไม่กลายเป็นข้อเสีย



INFO: http://men.sanook.com/289/หลายเหตุ-7-ข้อที่ควรมี-เซ็กส์/

Fulcanelli : นักเล่นแร่แปรธาตุผู้ลึกลับ







Fulcanelli (1839-1953) เป็นนามแฝงของนักเล่นแร่แปรธาตุชาวฝรั่งเศสผู้ลึกลับ ในศตวรรษที่ 19 ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเขา แต่ผลงานของเขานั้นล้วนแต่สร้างความน่าอัศจรรย์ใจต่อผู้พบเห็น โดยเฉพาะผลงานที่เขาอ้างว่าเขาสามารถแปรธาตุ(ตะกั่ว 100 กรัม) กลายเป็นทองคำได้โดยใช้ “ผงสูตรวิเศษลับ” ของเขาโปรยให้เป็นทองต่อหน้า Julien Champagne และ Gaston Sauvage

อีกหนึ่งผลงานที่น่าพิศวงไม่แพ้กัน คือ เขาได้อธิบายหลักการเทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งตอนนั้น Fulcanelli ได้พบนักฟิสิกส์ปรมาณูชาวฝรั่งเศส เขาได้ให้รายละเอียดที่ถูกต้องเกี่ยวกับนิวเคลียร์ อีกทั้งเขายังอธิบายเสริมว่าอีกไม่นานมนุษย์จะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์เช่นนี้ได้

สิ่งที่รู้เกี่ยวกับนักแปรธาตุคนนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย สิ่งที่พอรู้ประวัติเขาคือจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์เท่านั้น และในปี 1953 เขาเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนกันแน่ บ้างบอกว่าเขาไปสเปนไปยังปราสาทสูง ๆ เพื่อนัดพบนายเก่าของเขา หรือเขาอาจยังมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 114 ปี หรืออาจเป็นอมตะเลยก็เป็นได้



INFO: club.playpark.com, http://www.bobthai.com/

Green children of Woolpit : ตำนานเด็กผิวเขียวแห่งวูลพิต

ภาพวาดจากจินตนาการ


        ระหว่างรัชสมัยอันวุ่นวายช่วงปี ค.ศ. 1135-1154 ของกษัตริย์สตีเฟ่นแห่งอังกฤษ(Stephen of England) เกิดเหตุประหลาดขึ้นที่หมู่บ้านวูลพิต ใกล้กับเมืองเบอร์รี่เซนต์เอ็ดมันส์ มณฑลซัฟโฟลค์ ขณะชาวไร่กำลังเก็บเกี่ยวพืชผล จู่ๆมีเด็กสองคนโผล่ออกมาจากคูลึกซึ่งขุดไว้เป็นกับดักหมาป่า ซึ่งเรียกว่าหลุมหมาป่าหรือ Wolf pit ที่เพี้ยนกลายมาเป็นชื่อหมู่บ้าน เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองมีผิวเจือสีเขียว สวมเสื้อผ้าสีแปลกๆทำจากวัสดุที่ไม่คุ้นเคย เด็กทั้งสองเดินพล่านด้วยอาการขวัญหนีไปทั่วบริเวณอยู่ครูหนึ่งก่อนถูกนำตัวไปยังหมู่บ้าน ชาวบ้านซึ่งมามุงดูไม่มีใครเข้าใจภาษาที่เด็กพูด จึงพาพวกเขาไปยังบ้านของเจ้าของที่ดิน เซอร์ริชาร์ด เดอ คาล์น (Sir Richard de Calne) ที่เมืองไวค์ส เมื่อไปถึงเด็กทั้งสองต่างร้องไห้โฮและไม่ยอมกินขนมปังหรืออาหารใดๆ อยู่นานหลายวัน จนเมื่อนำถั่วที่ฝักยังติดก้านเพราะเพิ่งเก็บเกี่ยวมาให้ เด็กน้อยผู้อดโซจึงแสดงท่าทีกระหายอยากกิน แต่ไม่ฉีกฝักกลับฉีกตรงก้านและเมื่อไม่พบอะไรก็ร้องไห้อีก หลังจากเริ่มรู้วิธีการแกะถั่วแล้ว เด็กทั้งสองก็ประทังชีวิตด้วยอาหารชนิดนี้อยู่นานหลายเดือน ก่อนจะยอมลองลิ้มรสขนมปัง
     
        ผ่านไประยะหนึ่ง เด็กชายผู้ดูเหมือนอ่อนวัยกว่าก็เริ่มมีอาการซึมเศร้า เขาล้มป่วยและตายในที่สุด ส่วนเด็กหญิงสามารถปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้โดยเข้าพิธีศีลจุ่มตามธรรมเนียมของชาวคริสต์ ผิวพรรณของเธอเริ่มกลายจากสีเขียวเป็นสีของคนปกติ เธอเติบโตเป็นเด็กสาวสุขภาพแข็งแรง เรียนรู้ภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่งงานกับชายคนหนึ่งที่เมืองคิงสลีนน์ ในนอร์โฟล์ค...เล่าลือกันว่าเธอกลายเป็นหญิงสาว "ผู่มีพฤติกรรมฉาว คบผู้ชายเป็นเลือกหน้า"

บางแหล่งข้อมูลระบุชื่อของเธอคือ แอกเนส แบร์เร (Anes Barre) ส่วนผู้ที่เธอสมรสด้วยเป็นถึงเอกอัครราชทูฒอาวุโสของ เฮนรี่ที่ 2 และยังกล่าวด้วยว่าท่านเอิร์ลเฟอร์เรอร์ส(Earl Ferres เป็นตำแหน่งหนึ่งของขุนนางใน UK คนปัจจุบันคือ Robert Washington Shirley)...โดยสืบเชื้อสายมาจากตระกูลขั้นสูง แต่หลักฐานเรื่องนี้ไม่ชัดเจน เนื่องจากชื่อของขุนนางนามสกุล Barre ที่สามารถสืบเสาะได้ถึงยุคนั้นมีเพียงคนเดียว คือ Richard Barre อัครมหาเสนาบดีของ เฮนรี่ที่2 ริชาร์ดผู้นี้เกษียนราชการไปเป็นพระในคณะนักบวชคณะ Augastin ที่เมืองเลสเตอร์ จึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าเขาคือสามีของ เอกเนส


Robert Washington Shirley


        เมื่อถามถึงอดีตของเธอ เด็กหญิงเล่าได้เพียงรายละเอียดคลุมเครือเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งพวกเขาจากมา แล้วมาถึงหมู่บ้านวูลพิตได้อย่างไร เด็กหญิงเล่าว่าเธอกับเด็กชายเป็นพี่น้องกัน โดยมาจาก "ดินแดนแห่งเซนต์มาร์ติน" ที่ตกอยู่ในแดนสนธยาตลอดกาล ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ล้วนมีผิวสีเขียวเช่นเดียวกับสีผิวของเธอ เธอไม่อาจระบุที่ตั้งชัดเจนของบ้านเกิดเธอได้ รู้แต่ว่ามีดินแดนอีกแห่งที่"สว่างโรจน์" มองเห็นอีกฟากของ "แม่น้ำสายใหญ่" ที่กั้นแยกดินแดนแห่งนั้นจากพวกเขา เธอจำได้ว่า วันหนึ่งขณะเธอกับน้องชายกำลังดูแลฝูงสัตว์ของพ่อแม่อยู่ในไร่ เมื่อตามพวกมันเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง พลันพวกเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังกังวาน ทั้งสองเดินฝ่าความมืดอยู่เป็นเวลานานจนกระทั่งมาถึงปากถ้ำ(กับดักหมาป่า) นัยน์ตาก็พร่ามัวเนื่องจากปะทะกับแสงจ้าอย่างฉับพลัน ทั้งสองทิ้งตัวลงนอนด้วยความมึนงงอยู่นาน ก่อนจะตกใจตื่นเพราะเสียงเซ็งแซ่ของชาวไร่ พวกเขาพยายามหนีแต่หาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งชาวบ้านพาพวกเขาไป



 The girl said they came from a twilight world


        เบื้องหลังเรื่องเล่าพิสดารนี้มีความจริงอยู่บ้างไหม ?? หรือมันควรจะถูกจดลงในบัญชีเรื่องเล่าประหลาดมากมายของผู้บันทึกจดหมายเหตุสมัยกลางของอังกฤษ มีแหล่งข้อมูลดั้งเดินอยู่สองแห่งจาก คริสต์วรรษที่ 12 แห่งแรกคือ วิลเลียมแห่งนิวเบร์ก (William of Newburgh) มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1136-1198 พระสงฆ์และนักประวัติศาสตร์แห่งเมือง ยอร์ดเชียร์ ในผลงานสำคัญของเขา Historia rerum Anglicanum ซึ่งกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของอังกฤษตั้งแต่ปี 1066-1198 และได้เล่าเรื่องของเด็กผิวเขียวไว้ด้วย อีกแหล่งข้อมูลคือ ราล์ฟแห่งคอกกีแชล (Ralph of Coggeshall) ผู้เป็นเจ้าอาวาสในอารามคอกกีแชล เมือง เอสเซ็กซ์ ...เรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กผิวเขียวของเขาปรากฏอยู่ใน บันทึกเหตุการณ์ของอังกฤษ Chronicon Anglicanum ซึ่งเขียนไว้เมื่อปี 1187-1224

        จากแหล่งข้อมูลทั้งสองข้างต้น ราล์ฟแห่งคอกกีแชลผู้อาศัยอยู่ในเมือง เอสเซ็กซ์ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับซัฟโฟลค์ (หมู่บ้านวูลพิต) น่าจะเป็นผู้มีโอกาศได้พบปะกับผู้อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง เพราะเขาได้กล่าวในบันทึกว่าได้ยินเรื่องเล่านี้อยู่บ่อยครั้งจากเซอร์ริชาร์ดเอง(เจ้าของที่ดินที่รับเด็กเขียวมาเลี้ยง) ซึ่งแอกเนสทำงานเป็นคนรับใช้ของเขา ...ต่างกับของวิลเลียมแห่งนิวเบิร์ก ผู้อาศัยอยู่ในโบสถ์แห่งยอร์คเชียร์ซึ่งอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุมาก ดังนั้นจึงไม่น่าใช่ข้อมูลปฐมภูมิ แต่เป็นการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลร่วมสมัย เห็นได้จากคำกล่าวว่า "ข้าพเจ้าชั่งใจไม่ถูกกับพยานมากมาย ที่น่ารับฟังด้วยกันทุกฝ่าย"

        เรื่องราวของเด็กผิวเขียวยังคงประทับอยู่ในใจของผู้คนมาตลอดจนถึงประวัติศาสตร์ในชั้นหลัง ดังปรากฏมีการบันทึกอยู่ใน กายวิภาคแห่งความขื่นขม (The Anatomy of Melancholy) ของ Robert Burton ซึ่งเขียนเมื่อปี 1621 และอยู่ในคำบรรยายตอนหนึ่งที่อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลศตวรรษที่ 12 ในหนังสือ The Fairy Mythology ของ Thomas Keightley


 ภาพวาดเด็กผิวเขียวของชาวสเปน


        นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่กล่าวกันว่าเป็นการพบเห็นเด็กผิวเขียวครั้งที่สองในสถานที่ที่เรียกว่า บันโฆส (Banjos) ในประเทศสเปน เมื่อเดิอนสิงหาคม ปี 1887 อย่างไรก็ดีรายละเอียดของเหตุการณ์นี้แทบจะเหมือนที่วูลพิตทุกประการ โดยเรื่องเล่านี้ก็ดูเหมือนจะมาจากหนังสือ ลิขิตประหลาดจากสวรรค์ (Strange Destinies) ของ จอห์น แม็คลิน (Jhon Macklin) ตีพิมพ์เมื่อปี 1965 แล้วเอามาแต่งเรื่องใหม่ให้เกิดในปี 1887 ความจริงก็คือไม่มีสถานที่ที่ชื่อ บันโฆสในสเปน ส่วนเนื้อหาก็เป็นการนำเอาเรืองเก่าในศตวรรษที่12 ของอังกฤษมาเล่าใหม่เท่านั้น

        ในบรรดาคำอธิบายอันหลากหลายต่อปริศนาเด็กผิวเขียวนี้ ข้อเสนอแบบสุดกู่สุดโต่งคือ เด็กทั้งสองคนมาจากโลกใต้พิภพ หากด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ อาจจะก้าวทะลุช่องทางสักแห่งจากมิติคู่ขนาน หรือเด็กคู่นี้เป็นมนุษย์ต่างดาวซึ่งบังเอิญพลัดมาบนโลก ทฤษฎีหลังนี้มีผู้สนับสนุนคือ  นักดาราศาสตร์ชาวสก็อต ดันแคน ลูนัน (Ducan Lunan) เขาเสนอว่าเด็กสองคนนี้คือมนุษย์ต่างดาวผู้ถูกส่งมายังโลกจากดาวเคาระห์ดวงหนึ่งเนื่องจากความผิดพลาดของเครื่องส่งสสารทำงานขัดข้อง




        เรื่องเด็กผิวเขียวยังถูกนำมาผูกโยงกับนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในภาษานอร์วิชปี 1595 เป็นไปได้ว่าฉากเหตุการณ์ในนิทานเรื่องนี้อยู่ในป่าแวย์แลนด์วูด ซึ่งอยู่ใกล้กับป่าเธ็ตฟอร์ดอันเป็นพรมแดนระหว่าง นอร์โฟล์คกับซัฟโฟล์ค ...นิทานมีอยู่ว่า ท่านเอิร์ลชาวนอร์โฟล์ค ในวัยกลางคน มีหลานสองคน เป็นเด็กชายวัยสามขวบกับน้องสาว ท่านเอิร์ลผู้เป็นลุงและผู้จัดการมรดกของเด้กทั้งสอง หวังฮุบสมบัติด้วยการกำจัดเด็กทั้งสองนี้ จึงจ้างวานชายสองคนให้พาหลานของตนเข้าป่าและฆ่าทิ้งเสีย ทว่ามือสังหารทำงานไม่ลุล่วง จึงทิ้งหลานของเอิร์ลไว้ในป่าเวย์แลนด์วูด จนในที่สุดเด็กน้อยทั้งสองก็สิ้นใจตายเนื่องจากขาดอาหารและปอดบวมเพราะความหนาว ต่อมามีผู้ดัดแปลงนิทานเรื่องนี้โดยเปลี่ยนสถานที่เป็นป่าวูลพิตซึ่งอยู่รอบนอกหมู่บ้านวูลพิต(อันเป็นสถานที่เกิดเหตุดั้งเดิม) เนื้อเรื่องเปลี่ยนเป็น ให้เด้กทั้งสองรอดชีวิตจากการวางยาพิษจากสารหนู ก่อนมาโผล่ในป่าละเมาะวูลพิตจนกระทั่งชาวไร่มาพบเจอ จากเรื่องเล่าฉบับนี้ ทำให้มีผู้เสนอว่าเป็นเพราะสารหนู จึงทำให้เด็กมีผิวสีเขียว แต่ความเป็นไปได้ว่าทั้งสองอาจเป็นเด็กในป่าที่มีตัวตนจริงในศตวรรษที่ 12 จนกลายมาเป็นต้นเค้าของนิทานพื้นบ้านนี้ยังไม่ควรถูกมองข้ามไปเสียทั้งหมด



สมมติฐานที่น่าเชื่อถือมากที่สุด  


Thetford Forest of woolpit
       

          คำอธิบายเรื่องเด็กผิวเขียวซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดในขณะนี้เป็นของ Paul Harris ทฤษฎีคร่าวๆจาก Fortean Studies หนังสือของเขาที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1998 เป็นดังนี้...ประการแรก  วันเวลาที่เกิดเหตุการณ์ควรเลื่อนออกไปเป็นปี 1173 คือจากรัชสมัยของกษัตริย์สตีเฟ่น เป็นรัชสมัยต่อมาคือเฮนรี่ที่ 2 ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา มีกระแสการอพยพอย่างต่อเนื่องของช่างทอผ้าและพ่อค้าชาวเฟลมิช(ชาวแบลเยียมเหนือ)เข้ามายังอังกฤษ แต่เมื่อเฮนรี่ที่สองขึ้นครองราชย์ ผู้อพยพเหล่านี้ถูกกวาดล้างก่อนลงเอยด้วยสงคราที่ฟอร์นแฮม ในเมืองซัฟโฟล์คเมื่อปี 1173 ผลคือชาวเฟลมิชหลายพันชีวิตถูกสังหาร
        
         แฮริสตั้งสมมติฐานว่าเด็กทั้งสองนี้ก็คือชาวเฟลมิช นั่นเอง !!...เป็นเด็กที่อาจอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับหมู่บ้านฟอร์แฮมเซนต์มารติน อันเป็นสถานที่ที่ถูกเอ่ยถึงในเรื่องว่าคือ "ดินแดนแห่งเซนต์มาร์ติน" หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากวูลพิตไปเพียงไม่กี่ไมล์ ถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำลาร์ค ซึ่งเป็นไปได้ว่าคือ "แม่น้ำสายใหญ่" ที่เด็กหญิงกล่าวถึงนั่นเอง หลังจากพ่อแม่ถูกสังหารหรือพลัดพรากจากกัน เด็กทั้งสองก็หลบหนีเข้าสู่เขตรกทึบของป่าเธ็ตฟอร์ด

         แฮริสเสนอว่า หากเด็กทั้งสองยังคงซ่อนตัวอยู่ในป่าสักระยะโดยไม่มีอาหารลงท้องเลย ก็อาจกลายเป็นโรคคลอโรซิส Chlorosis หรือ โรคไข้เขียว(Green sickness) เป็นอาการป่วยที่เกิดจากการขาดเม็ดเลือดแดงจนทำให้ผู้ป่วยมีผิวออกสีเขียว....เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เด็กมีผิวสีเขียว แฮริสยังเชื่ออีกว่าเด็กสองคนนี้เดินตามเสียงของระฆังโบสถ์จากเมืองเบอร์รี่เซนต์เอ้ดมันส์จนพลัดหลง เดินลงไปในอุโมงค์ของเหมืองใต้ดินไกร์มสเกรฟ (Grimes Grave) อันเหมืองหินเหล็กไฟที่มีอายุย้อนหลังไปมากกว่า 4,000 ปี เด็กทั้งสองเดินไปตามอุโมงค์นี้จนมาโผล่ตรงหมู่บ้านวูลพิตสถานที่ตรงนี้เองที่เด็กท่าทางตื่นกลัวสับสนและหิวโหย อีกทั้งสวมใสเสื้อผ้าแปลกตา แถมพูดภาษาเฟลมิช กลายเป็นตัวประหลาดสำหรับชาวบ้าน ผู้ไม่เคยพบเคยเห็นชาวเฟลมิชมาก่อน


เหมืองใต้ดิน Grimes Grave อาจเป็นอุโมงค์ที่พี่น้องเด็กผิวเขียวใช้เดินทางมาจนถึงหมู่บ้านวูลพิต


         แน่นอนว่าสมตติฐานอันเฉียบคมของแฮริสให้คำตอบที่สมเหตุสมผลต่อปริศนาลี้ลับของหมู่บ้านวูลพิตได้ แต่ว่าเมื่อลงลึกในรายละเอียดจริงๆ ทฤษฎีสองพี่น้องเด็กกำพร้าเฟลมิชที่หนีภัยสงครามนี้ก็ยังไม่อาจตอบคำถามอยู่หลายข้อ กล่าวคือ ทันทีที่กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ขึ้นครองอำนาจพระองค์ก็ทรงตัดสินพระทัยขับพวกทหารรับจ้างชาวเฟลมิชซึ่งก่อนหน้านี้เข้ามารับใช้กษัตริย์สตีเฟ่น...ทรงขับไล่ออกจากประเทศ แต่การกระทำนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อช่างทอผ้าและพ่อค้าชาวเฟลมิชผู้อาศัยอยู่ในประเทศนี้มาหลายชั่วคน...แต่ก็ไม่มีใครรู้ประวัติศาสตร์ จึงไม่มีผลต่อสมมติฐานของแฮริสมากนัก

         อีกอย่างแฮริสยังสมมติฐานอีกว่า ในสงครามกลางเมือง ศึกฟอร์นแฮม 1173 ผู้ถูกสังหารล้มตายเป็นจำนวนมากก็คือ ทหารรับจ้างเฟลมิชนี่เอง โดยทหารเหล่านี้ถูกจ้างมารบกับกองทัพของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 เคียงข้างกับอัศวินผู้ก่อการกบฏซึ่งก็ถูกปลิดชีวิตไปมากมายในสงครามเช่นกัน คงเป็นเรื่องยากถ้าทหารเหล่านี้จะพาลูกเมียมาด้วย หลังจากถูกตีพ่าย ทหารเฟลมิชเดนตายก็กระจัดกระจายไปทั่วตามชนบทเมืองอื่นๆ หลายคนถูกชาวบ้านทำร้ายและฆ่าทิ้งแน่นอนว่าเจ้าของที่ดินอย่าง ริชาร์ด เดอ คาล์น หรือใครสักคนในครอบครับหรืออาคันตุกะของเขาน่าจะได้รับการศึกษามามากพอจะรู้ภาษาที่เด็กพูดนั่นคือ ภาษาเฟลมิช เพราะในสมัยนั้นคนเฟลมิชคงพอมีให้พบเห็นอยู่ทั่วไปทางภาคตะวันออกของอังกฤษ


        

         ขอสันนิษฐานของแฮริสที่ว่าขณะเด็กซ่อนตัวอยู่ในป่าเธ็ตฟอร์ดแล้วได้ยินเสียงระฆังโบสถ์จากเมืองเบอรี่เซนต์เอ็ดมันส์ จึงเดินตามเสียงไปตามอุโมงค์ใต้ดินจนมาถึงหมู่บ้านวูลพิต ก็ยังมีปัญหาเรื่องระยะทางประการแรก เมืองเบอรี่เซนต์เอ้ดมันดส์อยู่ห่างจากป่าเธ็ตฟอร์ดถึง 25 ไมล์ ฉะนั้นเด็กคงไม่สามรถได้ยินเสียงระฆังโบสถ์จากระยะไกลขนาดนั้นแน่ นอดจากนี้เหมืองหินเหล็กไฟจากถูกจำกัดอยู่ในเขตป่าเธ็ตฟอร์ดเท่านั้น ไม่มีอุโมงค์ใต้ดินไปถึงหมู่บ้านวูลพิต(แต่เวลามันก็ผ่านมานานทางที่เด็กทั้งสองก็อาจจะไม่มีในปัจจุบัน) หรือถ้าหากมีจริงระยะทางจากป่าไปยังหมู่บ้านก็เกือบ 32 ไมล์ ซึ่งไกลเกินกว่าเด็กอดโซสองคนจะเดินได้ถึง หรือแม้เด็กผิวเขียวจะมาจากฟอร์นแฮมเซนต์มาร์ตินจริง ระยะทางเดินก็ยังเป็น 10 ไมล์ ส่วนแม่น้ำลาร์คที่ถูกอ้างว่าคือ "แม่น้ำสายใหญ่" ตามถ้อยคำของเด็กหญิงก็น่าจะอยู่ไกลเกินเข้าข่าพิจารณา (ทั้งนี้แล้วแต่ความคิดส่วนบุคคลของผู้อ่าน)


เสียงระฆังจากโบสถ์ที่สองพี่น้องได้ยิน


         เรื่องเล่าของหมู่บ้านวูลพิตยังมีอีกหลายมิติที่พบได้ในความเชื่อท้องถิ่นของอังกฤษ บางคนมองว่าเด็กผิวเขียวคือบุคลาธอษฐานแทนธรรมชาติ ในลักษณะคล้ายคลึงกับผีป่ากรีนแมน(Jack in the Green) ตามคติพื้นบ้านของอังกฤษ หรือกระทั่งอัศวินเขียวในตำนานกษัตริย์อาร์เธอร์...เด็กสองคนนี้อาจเป็นพวกเอลฟ์ หรือพวกรุขเทวดา(หรือเอเลี่ยนที่อยู่บนโลกมาก่อนมนุษย์ เป็นผู้ทรงภูมิ จขกท.) ซึ่งคนพื้นบ้านในหลายประเทศเชื่อว่ามีจริง จนเมื่อหนึ่งหรือสองศตวรรษมานี้เองความเชื่อดังกล่าวเกี่ยวกับพกวเอล์ฟจึงเริ่มรางเลืองไป แต่หากเรื่องเล่าเด็กผิวเขียวเป็นเพียงนิทานภูตไพร กับนับเป็นการหักมุมแบบไม่คาดคิดอย่างเหลือเชื่อ ที่ให้เด็กหญิงอยู่กินแต่งงานกับมนุษย์คนหนึ่ง โดยไม่ย้อนคืนสู่ภพเดิมของเธอ

         ส่วนคำวิจารณ์เจือปริศนาของราล์ฟแห่งคอกกีแชลที่ว่าเด็กหญิงเมื่อเติบโตรุ่นสาวเป็นผู้มี "พฤติกรรมฉาว คบผู้ชายไม่เลือก" มีนัยยะถึงสัญชาติญานดิบเถื่อนบางอย่างแบบภูตไพร? นอกจากนี้ในคติพื้นบ้านอังกฤษ สีเขียวยังมักเกี่ยวโยงกับปรโลกและอำนาจลี้ลับความชอบถั่วสีเขียวของเด็กจึงเป็นอีกข้อสังเกตที่ถูกนำมาผูกกับความเชื่อดังกล่าวเพราะเชื่อกันว่า ถั่วคืออาหารของคนตาย ในบางลัทธิของชาวโรมันจะมีเทศกาลประจำปีเรียกว่า เลอมูเรีย (Lemuria) ซึ่งใช้ถั่วเป็นเครื่องเซ่นเพื่อขับไล่ผีร้ายของคนตายออกจากบ้าน ในสมัยกรีก โรมัน และอียิปต์โบราณ รวมทั้งอังกฤษสมัยกลางมีความเชื่อคล้ายกันว่าในถั่วมีวิญญานผู้ตายสิงอยู่




         แม้เรื่องเล่าแห่งหมู่บ้านวูลพิตจะปรากฏอยู่ในแหล่งข้อมูลเมื่อ ศตวรรศที่12 แต่ก็ควรพึงระลึกว่าจดหมายเหตุในเวลานั้น นอกจากจะบันทึกเหตุการณ์ทางการเมืองและศาสนาแล้ว ยังมีอีกมากมายหลายกรณีที่ได้จดจำถึงเรื่องประหลาด ปาฏิหาริย์ และโชคชะตาราศี อันเป็นสิ่งที่คนสมัยนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยอมรับ แต่เป็นความเชื่อกันอย่างกว้างขวางในสมัยนั้นแม้แต่ผู้มีการศึกษาทั้งชายและหญิง...ถ้าเช่นั้นวิญานประหลาดของเด็กผิวเขียวก็อาจเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงและขมขื่น ผสมผสานเข้ากับนิทานปรัมปราและคติความเชื่อท้องถิ่นเรื่องผีสาวนางไม้ ไปจนถึงชัวิตหลังความตาย
        
        ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร เรื่องเล่าเด็กผิวเขียวยังคงเป็นหนึ่งในปริศนาลี้ลับที่สุดขององักฤษตลอดไป เว้นเสียแต่ว่าเชื้อสายของแอกเนส แบร์เร จะถูกสืบเสาระได้หรือค้นพบเอกสารหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมอีก...(แต่ยังไงซะเรื่องไหนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องลี้ลับติดอันดับ Top ten แล้วนั้น ต่อให้หาคำตอบได้ ยังไงเราก็ต้องสงสัยในคำตอนนั้นอยู่ดี จขกท.)

ตำนานลึกลับของพี่น้องเด็กผิวเขียวกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำหมู่บ้านวูลพิตในยุคปัจจุบัน
Green children of Woolpit


© Copyright 2007 by Brian Haughton. All Rights Reserved. Original English language


Source ::Hidden History(ขุดตำนานคนนอกประวัติศาสตร์) by Brian Haughton//แปลโดย ประสิทธิ์  ตั้งมหาสถิตกุล
บทความภาษาอังกฤษ :: http://www.mysteriouspeople.com/Green-Children.htm



INFO: http://www.mythland.org/v3/thread-3322-1-1.html

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ปีหน้าป่ะหล่ะ นก สินจัย ร้องอยากถ่ายแบบชุดว่ายน้ำแล้ว

ไปเกาะนาคาน้อย จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมงานปาร์ตี้ฉลองแต่งงานของ"แอน อลิชา" และ "ภูริ หิรัญพฤกษ์" งานนี้"นก สินจัย" เลยไม่พลาดควงลูกสาว"บอม ฑิชากร เปล่งพานิช" และเพื่อนๆร่วมแก๊งไปนอนอาบแดดเล่นน้ำทะเลให้ผิวแทน และยังแชะภาพใส่ชุดว่ายน้ำโชว์หุ่นเป๊ะ ฝากคำถามไปถึงช่างภาพชื่อดัง"ใหญ่ อมาตย์" ว่า"ปีหน้าป่ะหล่ะ" เอ้า!!! แฟนคลับเตรียมเก็บเงินซื้อนิตยสารหน้าปก"นก สินจัย" ล่วงหน้าได้เลยจ้า







INFO: http://news.sanook.com

ฝ่าด่านนรกเมืองซอมบี้ : State of Emergency


ระเบิดโรงงานเคมี … นี่คือการเปิดตัวของการรั่วไหลของสารพิษ เป็นผลให้คนที่มีอาการของการติดเชื้อและก้าวก่ายการควบคุมสูญเสียความจำภูมิ คุ้มกัน จิมฉากวุ่นวายหลังจากที่สูญเสียภรรยาของเขาและในที่สุดก็กลายเป็นซอมบี้หิว สำหรับเนื้อมนุษย์เอง จิมที่พักพิงชั่วคราวเขาได้รับการเพาะปลูกของสมาชิกผู้ได้รับยุ้งข้าวขนาด ใหญ่ … ใช่ แต่ยุ้งฉางมีความปลอดภัย … เขาก็ไม่ได้หลบซ่อนตัวอยู่เนื่องจากข้อผิดพลาด


ฝ่าด่านนรกเมืองซอมบี้ (State of Emergency)


แผนการกินแบบสุขภาพดีใน 24 ชั่วโมง

หลายคนอาจคิดว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือสำหรับการเริ่มต้นการกินเพื่อสุขภาพ แต่หากไม่อยากลงเอยด้วยการมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และสัดส่วนที่ขยายขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับของอร่อยแต่แคลอรี่สูง คุณควรได้รู้ตั้งแต่วันนี้ว่า แผนการกินที่ดีต่อสุขภาพในหนึ่งวัน เพื่อรักษาหุ่นและบำรุงร่างกายไปด้วยในตัวนั้นเป็นอย่างไร มาเริ่มต้นการกินตั้งแต่เช้าจรดค่ำกันเลย



07.30 น.

ควร : ดื่มน้ำหนึ่งแก้วเมื่อตื่นนอน เพื่อขับของเสียสะสมออกไป และเติมน้ำให้ร่างกายและผิวหลังจากหลับไปทั้งคืน
อย่า : อย่าเริ่มกินทันทีโดยที่ยังไม่รู้สึกตื่นเต็มที่ โดยในขณะที่คุณหลับ ร่างกายจะย่อยน้อยลง ระบบจึงยังไม่เข้าที่ อย่างน้อยควรรอสักครึ่งชั่วโมงหลังจากตื่นแล้ว

08.00 น.

ควร : กินอาหารเช้าซะ การวิจัยนั้นบ่งบอกว่าคนที่กินมื้อเช้าจะมีหุ่นเพรียวกว่า และขาดสารอาหารน้อยกว่า โดยเลือกอาหารที่มีอัตราการกระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น มูสลี่กับนมกึ่งพร่องมันเนย ใส่ลูกเกด แอปเปิล หรือขนมปังโฮลวีทกับอะโวคาโด แล้วตบท้ายด้วยน้ำส้มคั้น
อย่า : อย่าเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟเข้มข้น เพราะฤทธิ์ของกาเฟอีนทำให้เกิดการหลั่งอะดรีนาลีนมากเกินไป จนส่งผลให้ขาดพลังงาน และเกิดภาวะอารมณ์ขุ่นมัว

11.00 น.

ควร : กินโยเกิร์ตสักถ้วยเพื่อเริ่มอุ่นเครื่องน้ำตาลในเลือดให้มีพลังไปจนถึงมื้อเที่ยง และการกินอาหารที่มีแคลเซียมแยกออกมาจากมื้ออาหารจะทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น
อย่า : อย่ารีบกินแซนวิชตั้งแต่หัววัน โดยตั้งใจว่าจะงดมื้อเที่ยง เพราะเมื่อถึงช่วงบ่าย คุณจะรู้สึกหิวยิ่งกว่าเดิม ซึ่งแน่ล่ะว่าคุณอาจกินมากกว่าเดิมในท้ายที่สุด

13.00 น.

ควร : กินอาหารกลางวันที่อุดมด้วยโปรตีนเพื่อกระตุ้นความตื่นตัว และช่วงเวลานี้จะช่วยเติมเต็มความหิวได้ดีกว่า การกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปในมื้อกลางวัน อาจทำให้คุณเกิดอาการเฉื่อยชา เลือกอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และอย่าลืมกินผักเยอะ ๆ เช่น สลัดเสริมด้วย ส่วนของหวานควรเป็นถั่วหรือผลไม้
อย่า : อย่ากินมากเกินจำเป็น และหากคุณกินมื้อเที่ยงมาก ช่วงบ่ายนี้จึงเป็นช่วงเวลาดีที่สุดที่จะดื่มกาแฟเพื่อลดอาการง่วงซึม

16.00 น.

ควร : กินผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกเกด เพื่อให้ได้แมกนีเซียม แร่ธาตุ เหล็ก และไฟเบอร์
อย่า : อย่าปล่อยใจไปกับของว่างแสนหวานยามบ่าย อย่างช็อกโกแลต และบิสกิต เพราะมันจะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย

18.30 น.

ควร : ดื่มชาอุ่น ๆ เพื่อผ่อนคลายตัวเองจากความเครียด ในชายังมีฟลาโวนอยด์ และแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจด้วย
อย่า : อย่าเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ในตอนนี้ ถ้าคุณอยากนอนหลับฝันดี

19.30 น.

ควร : กินของหวาน เช่น เชอร์เบท ถ้าคุณเฝ้าระวังน้ำหนัก มีผลการทดสอบว่าคนที่บริโภคกลูโคสก่อนมื้อเย็นนั้นจะกินอาหารน้อยและลดน้ำหนักได้ง่าย เมื่อกินของหวานแล้ว คุณอาจรู้สึกอยากกินแค่ซุปมะเขือเทศสักถ้วยก็รู้สึกว่าพอแล้ว
อย่า : อย่าจิบค็อกเทลก่อนกินอาหาร เพราะมันจะเป็นการเพิ่มแคลอรี่ให้ดินเนอร์มื้อนั้นทันที

20.00 น.

ควร : กินบร็อกโคลี่ หรือกะหล่ำ เพราะจะช่วยลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ได้ หรือการจิบไวน์ 1-2 แก้ว ในช่วงนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจด้วยนะ
อย่า : อย่าเป็นกังวลถ้ากินมื้อเย็นเช้า เพราะเข้าใจว่าจะเป็นการกระตุ้นไขมัน เพราะมีผลการวิจัยออกมาว่าคนที่กินอาหารเย็นในช่วงนี้ก็มีการอัตราเผาผลาญไม่แตกต่างนัก



http://women.sanook.com

เคล็ดลับหุ่นสวยสไตล์สาว ใหม่ ดาวิกา

มีคนถามว่านางเอกช่อง 7 สี ที่มาแรงสุดๆในตอนนี้คือใคร ใครๆ ก็ตอบว่า ใหม่ ดาวิกา แน่นอนจ้า นางเอกสาวสวยตาคมบาดลึกคนนี้ ถึงแม้ละคร ตะวันทอแสง จะลาโรงไปแล้ว แต่กระแสของเธอก็ดังไม่ตก ด้วยบุคลิกสูงยาวเข่าดีหุ่นสวยบวกกับในตาชวนฝัน

วันนี้เธอมาเล่าเคล็ดลับดูแลตัวเองของเธอว่าทำอย่างไรให้ตัวเองดูดีขนาดนี้ เราไปฟังกันเลย




Diet Sparkling

เดิมใหม่ก็ดูแลสุขภาพตัวเองอยู่แล้ว ด้วยการเลี่ยงของทอดของมันชอบกินผักผลไม้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผลไม้ไม่หวาน อย่างแอปเปิ้ล หรือผักดีมีประโยชน์อย่างบร็อกโคลี่ แต่ไม่กินผลไม้หวานๆ ให้พลังงานเยอะๆอย่างทุเรียนหรือลำไยเลย และที่บ้านกินข้าวกล้องผสมข้าวขาวค่ะ เพราะรู้ว่าข้าวขาวอย่างเดียวไม่มีประโยชน์

แต่เมื่อเข้าวงการก็จะสังเกตุพี่ๆ หรือไม่ก็ถามเขาว่า ดูแสุขภาพอย่างไร แล้วก็มาปรับเพิ่มเติมจากที่เคยทำ

ตอนถ่ายละครกับพี่โดม (ปกรณ์ ลัม) เห็นพี่เขาดื่มน้ำเยอะมาก แล้วผิวพี่เขาใสเชียว ใหม่ก็เลยเตือนตัวเองให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น แล้วบอกทุกคนด้วยว่าอย่าลืมดื่มน้ำนะ

พี่ๆ บางคนยังสอนว่า ให้เลือกกินอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงน้อยที่สุด ถ้ากินขนมปังก็เลือกที่ไม่ขัดขาว โฮลเกรน หรือมีธัญพืชอยู่ บางทีเป็นสีน้ำตาล ก็ไม่ใช่ว่าจะเฮลตี้เสมอไป ต้องดูส่วนผสมบนฉลากด้วย เวลาใหม่เลือกซื้อสินค้าในซุปเปอร์ เลยให้เวลาอ่านฉลากนิดหนึ่ง เช่น ชอบกินซีเรียล ก็ดูข้างกล่องว่า มีส่วนผสมอะไรบ้าง เยอะขนาดไหน แฟตฟรีหรือเปล่า  ใหม่เลยชอบกินถั่วเป็นของว่าง เวลาเพื่อนๆกินขนม ใหม่กินถั่ว เพราะช่วยให้อิ่มท้องอยู่นาน ไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกโหย ไม่เวิร์คค่ะ เคยเจอมาแล้ว กินช็อกโกแลตไหม ใหม่กินบ้างพอให้รู้รส แล้วหยุด พอใหม่กินเนื้อปลา มีไก่บ้าง แต่ไม่กินเนื้อวัวเลย ล่าสุดเคยลองกินเนื้อวัวจากวัวตัวใหญ่ๆที่เมืองนอก ร่างกายไม่ย่อยแล้ว อาเจียน ถ่ายท้องด้วย คุณพ่อบอกทูเลทแล้ว อย่ากินอีกเลย





INFO: http://women.sanook.com