วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ประวัติต้นคริสต์มาส


ในช่วงยุคกลาง การเล่นละครทางศาสนาที่เป็นที่ชื่นชอบที่แสดงให้เห็นเรื่องการขับไล่อาดัม และเอวาออกจากสวนเอเดน

"ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบ ผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าโบสถ์ ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้

ในศตวรรษที่ 16 ในเยอรมันมีการตกแต่งต้นสนทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วยแอปเปิล, ดอกกุหลาบ, ลูกกวาดที่ฉาบสีทอง, และกระดาษสี

ต้นสนที่แขวนลูกแอปเปิลถูกนำมาใช้เพื่อแสดงเป็นนัยถึงสวนเอเดน -- ต้นไม้สวรรค์ การเล่นที่จบลงด้วยคำทำนายถึงการมาของพระผู้ไถ่ ดังนั้นจึงมักจะแสดงกันในช่วงเตรียมรับพระคริสตสมภพอยู่บ่อยๆ

เชื่อ กันว่ามาร์ติน ลูเธอร์ ได้เริ่มประดับต้นไม้ด้วยไฟเป็นคนแรก ขณะกลับบ้านในตอนเย็นในเดือนธันวาคม ความสวยงามของดาวที่ส่องแสงผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นสนดลใจให้เขาสร้างแสงที่ ต้นคริสต์มาสในบ้านโดยการใช้เทียนวางบนกิ่งก้านของต้นสนเล็กในบ้านของเขา

ต้น คริสต์มาสถูกนำเข้ามาที่ประเทศอังกฤษโดยเจ้าชายอัลเบิร์ต ราชสวามีของพระนางวิกตอเรีย แห่งอังกฤษที่ทรงเป็นชาวเยอรมัน ภาพข่าวที่มีชื่อเสียงในปี 1848 ที่ แสดงพระบรมวงศานุวงศ์ของ พระราชินีวิคตอเรีย เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามีและพระโอรสธิดาที่อยู่รวมกันรอบต้นคริสต์มาสในปราสาทวินเซอร์ ทำให้ต้นคริสต์มาสนั้นเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งอังกฤษในสมัยพระนางวิคตอเรีย และถูกนำมาอเมริกาโดย เยอรมันชาวเพนซิลวาเนียในปลายศตวรรษที่ 19

แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (ปฐก.2:9) ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น



INFO: คริสเตียนไทย